สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรรวม รวมถึงภาคท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวเบื้องต้นทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เวลานี้ปิดตัวไปแล้วกว่า 80 % ดังนั้นรัฐบาลควรเข้ามาดูแล และเร่งเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องการยืดเวลาการชำระหนี้ การลดดอกเบี้ยเงินกู้ การให้สินเชื่อเพื่อประคองธุรกิจ เพื่อให้พ้นวิกฤตดังกล่าว รวมทั้งยังรักษาความสมดุลของธุรกิจไว้ได้ โดย นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ นายกสมาคมสวนสนุก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพาร์ค บางกอก ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุกสวนสยาม ได้แนะนำทางออกในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ สร้างสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งนี้ นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ นายกสมาคมสวนสนุก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพาร์ค บางกอก ผู้บริหารสวนน้ำและสวนสนุกสวนสยาม กล่าวว่า ในเวลานี้ธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจบริการต่างได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งทางประเทศจีนห้ามคนในประเทศเดินทางไปต่างประเทศ จนมาถึงวิกฤตโควิด-19 ช่วงนี้ที่ในแต่ละประเทศทั่วโลกทั้งเอเชีย และฝั่งยุโรปต่างปิดประเทศ และห้ามทุกคนเดินทางไปนอกประเทศ โดยภาพรวมของธุรกิจสวนสนุกเวลานี้มีรายได้เป็นศูนย์เพราะต้องปิดตามคำสั่งคณะรัฐมนตรี ขณะที่ในส่วนของธุรกิจทัวร์ และโรงแรมช่วงที่ทางรัฐบาลไม่มีคำสั่งปิด ก็จำเป็นต้องปิดอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการ ดังนั้นในเวลานี้ทางรัฐบาลควรเลือกระหว่างเป็นห่วงระบบเศรษฐกิจที่จะทำให้เกิดหนี้เสีย หรือรักษาแรงงานไว้ เพื่อให้เขามั่นใจว่า เมื่อผ่านวิกฤตนี้ไปแล้ว ทุกคนยังมีงานทำ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์กันว่า สถานการณ์น่าจะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 หรือประมาณเดือนพฤษภาคม โดยในช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงกรีนซีซั่น หรือ ช่วงหน้าฝน ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นถ้าเวลานี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขาดสภาพคล่องประสบปัญหาขาดกระแสเงินสด เนื่องจากกิจการถูกปิดบริการ รายได้เข้ามาเป็นศูนย์ เพราะฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่มีรายได้พอประทังให้กิจการดำเนินไปได้ถึงช่วงไฮซีซั่น หรือประมาณเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง เดือนมีนาคม 2564 แบ่งการช่วยเหลือเป็น 2 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจะถึงช่วงไฮซีซั่น และสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงในช่วงไตรมาส 3 ของปี แต่ด้วยชาวต่างชาติในแต่ละประเทศยังไม่กล้าเดินทาง จนอาจหยุดการท่องเที่ยวไปจนถึงปี 2564 ดังนั้นเวลานี้ทางรัฐบาลควรจะมีเงินเข้ามาช่วยผู้ประกอบการเหล่านี้ให้มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าจ้าง และค่าดำเนินการต่างๆ เพื่อประคองธุรกิจ รักษาแรงงานไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือกว่า การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายลง สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวนั้น ทางภาครัฐต้องมองว่า มีทั้งขนาดเล็ก กลางใหญ่ แต่ในที่นี้สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ ในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ พวกที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในกลุ่มนี้โอกาสเสี่ยงหนี้เสียจะน้อยมาก ดังนั้นธนาคารพาณิชย์สามารถพิจารณาปล่อยกู้ได้ทันที โดยไม่เกินหลักทรัพย์ค้ำประกัน อาจจะอยู่ในระดับ 60-80% ของมูลค่าสินทรัพย์ อีกทั้ง นายวุฒิชัย กล่าวต่อว่า ถ้าจะใช้ระบบพิจารณาแบบปกติจะล่าช้า และกู้ได้ยาก แต่ในสภาวะดังกล่าวนี้ผู้ประกอบการต่างๆ ต้องการได้เงินเข้ามาพยุงธุรกิจ เพื่อรักษาลูกจ้างเอาไว้โดยไม่ได้มีโครงการอะไรตามเกณฑ์พิจารณาปกติ เพราะฉะนั้นถ้าภาครัฐเข้ามาช่วยให้ระบบตรงนี้ดำเนินไปได้อย่างทันท่วงที ก็น่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในการดำเนินการให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกู้นั้น ทางธนาคารพาณิชย์ก็สามารถคำนวณวงเงินสินเชื่อได้ โดยพิจารณาจากสถานประกอบการ ที่มีวงเงินครอบคลุมรายจ่ายไปจนถึงสิ้นปี 2563 โดยอาจจะเก็บอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 2-3% เพื่อที่ทางผู้ประกอบการสามารถนำเงินไปจ่ายค่าจ้างไม่ให้ตกงาน เป็นการช่วยพยุงภาพรวมเศรษฐกิจของไทยได้ ช่วยรักษาแรงงานไม่ให้ตกงาน ขณะที่ในกลุ่มที่สองนั้น นายวุฒิชัย กล่าวว่า จะเป็นกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นเอสเอ็มอีที่อยู่ในระบบธุรกิจท่องเที่ยว ทางธนาคารพาณิชย์ก็ควรจะอนุมัติเงินกู้ได้ทันที โดยมีสมาคมด้านการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมธุรกิจทัวร์ สปา พร้อมที่จะให้การรับรองกับเอสเอ็มอีดังกล่าว โดย ในธุรกิจผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างๆ ที่เป็นเอสเอ็มอี ส่วนใหญ่มักจะเป็นนิติบุคคลถูกต้องตามกฎหมาย และมีต้นทุนประมาณหลักแสนบาทต่อเดือน เพราะฉะนั้นการให้วงเงินกู้จนถึงสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งแต่ละรายสามารถชี้แจงค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้ ดังนั้นกลุ่มดังกล่าวนี้ทางรัฐบาลสามารถเข้ามาช่วยเหลือให้กู้ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ถือเป็นการรักษาแรงงานไม่ให้ตกงานได้นับล้านคน