เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาสินค้าเกษตรข้ามจังหวัดในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ซึ่งแต่ละจังหวัดมีคำสั่งห้ามเข้าเขตในแต่ละจังหวัด ว่า ขณะนี้แต่ละจังหวัดได้มีคำสั่งห้ามเข้าเขตจังหวัดกันหลายจังหวัด ปัญหาที่เริ่มเกิดขึ้นคือ ดุลยพินิจของด่าน แต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งในจังหวัดเดียวกันก็ใช้ดุลยพินิจไม่เหมือนกัน ที่มีปัญหามาก คือ ประชาชนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ส่งสินค้าเกษตร เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา หรืออาหาร บางด่านเจ้าหน้าที่ไม่ให้เดินทางผ่านเข้าเลย แต่บางด่านก็ให้เข้า ถามว่า ถ้าไม่ให้พ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านขนกุ้ง หอย ปู ปลา ไปขาย หรือไปส่งตามตลาดนัด แต่กลับยอมให้รถขนส่งสินค้าของห้างใหญ่ต่างๆ ทั้ง โลตัส แมคโคร บิ๊กซี ฯลฯ สามารวิ่งผ่าน ออกได้ ถามผู้มีอำนาจว่า ใครจะได้ประโยชน์ ใครจะเสียประโยชน์ ใครจะรวยขึ้น ใครจะจนลง เห็นคำตอบอยู่แล้ว ถ้ายิ่งปิดจังหวัดกันนานๆ ชาวบ้านจะเดือดร้อน ตนเป็นหนึ่งที่สนับสนุนให้ปิดจังหวัดเพื่อลดการระบาดของโรคไวรัสโควิด19 มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อเรายังไม่ปิด 24 ชม. เราปิดแบบมีข้อยกเว้น การใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่จึงมีความสำคัญ “ผมมีความเห็น 3 ข้อคือ 1.หากเป็นคำสั่งที่เหมือนกันดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ต้องเหมือนกัน ยิ่งจังหวัดเดียวกันยิ่งต้องเหมือนกัน 2.กระทรวงมหาดไทยควรซักซ้อมความเข้าใจเรื่องนี้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้เข้าใจตรงกัน 3.ควรมีสายด่วนให้ประชาชนสอบถามได้ทุกจังหวัดตลอดเวลา 24 ชม. และควรมีคู่สายจำนวนมากพอเพราะติดต่อสอบถามยากมาก ทั้งนี้ มาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก็ดี ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อก็ดี เป็นเรื่องของความมั่นคงของรัฐ เป็นข้อยกเว้นของกฎหมายตามหลักที่ว่า ความมั่นคงของรัฐอยู่เหนือกฎหมาย แต่เมื่อพลเมือง เป็นองค์ประกอบสำคัญของความเป็นรัฐ การรักษาดูแลให้พลเมืองอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนเกินสมควร จึงถือเป็นเรื่องที่รัฐพึงกระทำด้วย รัฐจึงพึงรักษาสมดุลย์นี้ไว้ให้ดี ตนขอเป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชนคนทำมาหาเช้ากินค่ำ พ่อค้า แม่ค้าชาวบ้านคนธรรมดา” นายนิพิฏฐ์ กล่าว