ทั้งต้องไม่นำเชื้อไปให้คนอื่นและไม่รับเชื้อมาจากคนอื่นที่เสี่ยงเช่นกัน แบ่งเป็น 3 ระดับ ทั้งระดับบุคคล เน้น เด็ก ผู้สูงวัยต้องระมัดตัวสูงสุด ระดับองค์กร ต้องมีมาตรการเหลื่อมเวลาหรือทำงานที่บ้าน และระดับชุมชน ด้วยการลด-งดกิจกรรม พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เกิดจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อในระยะใกล้ ก.สาธารณสุขจึงมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งนอกเหนือจากการคัดกรองผู้ติดเชื้อที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาด การสอบสวนโรคกลุ่มที่มีการเจ็บป่วยมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน และการให้ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยต้องกักตนเอง 14 วัน (Self-Quarantine) แล้ว การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ก.สาธารณสุขเน้นย้ำเพื่อป้องกันหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อไวรัสจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ด้วยการสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่น ๆ ในสังคม โดยต้องร่วมมือกันให้ได้ทั้งหมด 80% ถึงจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางการแพร่เชื้อในประเทศไทยให้ลดลงไปได้ โดยที่ตัวเราเองต้องไม่นำเชื้อไปหาคนอื่นและไม่ออกไปรับเชื้อจากบุคคลอื่นที่มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ สามารถแบ่งระดับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็น 3 ระดับคือ 1) ระดับบุคคล โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรต้องระมัดระวังป้องกันตัวเอง ไม่ควรเดินทางออกจากที่พักอาศัย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันค่อนข้างต่ำ อาจทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่นๆ และขอให้งดกิจกรรมในชุมชน โดยยึดปฏิบัติตามหลัก 3 ล คือ “ลด เลี่ยง ดูแล” และเว้นระยะห่างจากผู้อื่น 1 - 2 เมตร เพราะเชื้อไวรัสสามารถติดต่อผ่านละอองขนาดเล็กที่มาจากการไอหรือจามได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนหมู่มาก หลีกเลี่ยงใช้ขนส่งสาธารณะ ไม่เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ลดการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น เช่น การไปงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือการไปจ่ายตลาด อาจปรับให้น้อยที่สุดอาทิตย์ละ 1 - 2 วัน 2)ระดับองค์กร ควรมีมาตรการเหลื่อมเวลาทำงาน หรือการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ และการแพร่เชื้อจากการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่แออัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อทั้งภายในและภายนอกที่ทำงานได้ ด้วยการอยู่ที่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน และไม่นำเชื้อโรคเข้าบ้าน และสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางออกจากบ้านเป็นประจำ เมื่อกลับเข้าบ้านควรล้างมือทันที หลังจากนั้นควรเปลี่ยนชุดอาบน้ำชำระร่างกาย และแยกซักเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันนั้นด้วย 3) ระดับชุมชน การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม ควรลดหรืองดกิจกรรมต่างๆ หรือหากไม่สามารถงดหรือเลื่อนได้ เช่น งานศพ ควรลดจำนวนผู้ที่มาร่วมงาน จัดเก้าอี้ หรือสถานที่ให้อยู่ห่างกันพอสมควร และจัดพื้นที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่มาร่วมงาน โดยทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย รวมทั้งพยายามให้ช่วงเวลาที่จัดงานให้สั้นที่สุดเท่าที่จำเป็น และลดกิจกรรมที่อาจมีการสัมผัสระหว่างกันลง ส่วนสถานที่ที่ยังเปิดบริการ เช่น สถานีขนส่ง ขนส่งสาธารณะ ตลาด ผู้ดูแลสถานที่เหล่านี้ควรปฏิบัติตามแนวทางสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้อื่น พญ.พรรณพิมล ภาพเพจกรมอนามัย