นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากว่าแอลกอฮอล์ล้างมือมีราคาแพง ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนมีราคาต่ำ แถมหาซื้อยากเพราะอาจมีการกักตุน ทำให้ขาดตลาด จนกระทั่งกระทรวงพลังงานเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตเอธานอล 99.5% ที่ใช้ในธุรกิจเชื้อเพลิงสามารถนำมาแปรรูปขายในรูปผลิตภัณฑ์ล้างมือได้ตามประกาศกรมสรรพสามิต เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ขายได้ไปจนถึงเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งมีการยกเว้นภาษีให้ด้วย โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ผลิตต้องแปลงสภาพเพื่อไม่ให้มีการนำไปใช้ประโยชน์อื่น เช่น เป็นสุรา เป็นต้น แต่ปรากฏว่า มีบริษัทผู้ค้าน้ำมันได้นำเอทานอล 99.5% มาเจือจางปรุงแต่งให้เหลือ 70% ตามเงื่อนไข โดยไม่ต้องมีมาตฐานทางเภสัช แต่กลับตั้งราคาขายหลายเท่าจากราคาเดิมที่รัฐกำหนดไว้เพียง 23-24 บาท มาเป็น 35-110 บาท เพียงแค่มีสารปรุงแต่งเพิ่มและบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จึงเป็นการแสวงหากำไรเกินควรของผู้ประกอบการ ซึ่งน่าจะเป็นการรู้เห็นเป็นใจของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของธุรกิจบางบริษัทดังกล่าวอยู่ด้วย ทั้งนี้แอลกอฮอล์ที่นำมาบรรจุขวดขายมีราคา 35-110 บาทต่อลิตร ซึ่งบางบริษัทนำมาขายให้ประชาชนมีกำไรมากกว่าการขายเอธานอลตามประกาศของกระทรวงพลังงานมากถึง 3-4 เท่าตัว ไม่ถือว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน แต่กลับมาโฆษณาอวดอ้างว่าเป็นราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากภัยโควิด-19 จึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายและควรประจาน โดยเฉพาะความไร้ประสิทธิภาพของรัฐที่ไม่สามารถจัดการการกักตุนและเก็งกำไรของผู้ค้าต่างๆได้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอทานอลของไทยมีอยู่ถึง 27 โรงงานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมธุรกิจพลังงาน แต่มีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีสายการผลิตเอทานอลซึ่งมีมาตรฐาน food grade หรือมาตรฐานด้านเภสัช/สาธารณสุขด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่เรียกร้องให้กรมการค้าภายใน และกระทรวงพลังงาน ให้เร่งตรวจสอบและระงับการดำเนินการของกลุ่มทุนพลังงานดังกล่าวที่อาศัยสถานการณ์ความหวาดกลัวการติดเชื้อโควิด-19 และไม่สามารถแสวงหาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อได้มาใช้เป็นวิกฤตเพื่อสร้างโอกาสในการแสวงหากำไรบนความทุกข์ยากของประชาชน โดยการปล่อยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ได้ และที่สำคัญต้องมีการกำหนดเพดานราคามาตรฐานแอลกอฮอล์ล้างมือต่อลิตรไว้ ไม่ให้มีการแสวงหากำไรเกินสมควร ซึ่งถ้าไม่ดำเนินการสมาคมฯจำต้องไปร้องต่อ ป.ป.ช.เอาผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ต่อไป