จากกรณีที่นายพุทธพร โสภาพล หรือโท อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212บ้านท่อน ม.2 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เสียชีวิตภายในห้องขังของ สภ.เวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมารดาและญาติพี่น้องต่างก็พากันติดใจการตาย เพราะตามร่างกายมีรอยช้ำ ปากแตก และแพทย์ได้แจ้งญาติในเบื้องต้นว่า มีบาดแผลในช่องท้อง พยายามแจ้งความตั้งแต่วันที่พบเป็นศพ แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง กระทั่งผ่านไป 6 วัน ตำรวจจึงรับแจ้งความ โดยเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา นางจันทร์ เพียชา อายุ 60 ปี น้าสาวคนตาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจชุดจับกุมคนตายและผู้ดูแลผู้ต้องขัง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อาญา 157 ในขณะที่ พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน ได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในดังกล่าว หากตายจากการกระทำของบุคคลอื่น ก็จะมีการดำเนินการตามกฏหมายนั้น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 6 เม.ย.2563 ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น นางจันทร์ เพียชา อายุ 60 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิต และ น.ส.วาสนา สอนศักดา อายุ42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 ม.5 บ้านโคกเปี้ย ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น แฟนสาวของผู้ตาย พร้อมญาติพี่น้อง ได่เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต. พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เพื่อเข้าพูดคุยในรายละเอียดส่วนที่ญาติพี่น้องติดใจการเสียชีวิตของนายโท โดยมี พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญวัฒน์ ผกก.สภ.เวฬุวันและพ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ รอง ผกก.สส. สภ.เวฬุวันในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สภ.เวฬุวัน เข้าพบและพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติผู้ตายด้วย โดยมีการพูดคุยกันประมาณ 1 ชม. พล.ต.ต. พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า กรณีที่ญาติผู้ตาย ติดใจการตายของนายโทนั้น เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องทำให้กระจ่างในทุกกรณี ทั้งตรวจสอบว่า หลังรับแจ้งเหตุบุกรุกเคหะสถาน เมาสุราประพฤติตนวุ่นวายนั้นใคร เข้าระงับเหตุบ้าง รวมถึงการควบคุมตัวไปที่ สภ.เวฬุวัน ผู้ถูกควบคุมตัวมีพฤติกรรมอย่างไร ทุกขั้นตอนและทุกความสงสัยต้องมีคำตอบ ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่ญาติต้องการดูนั้น ก็สามารถดูได้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหวงห้าม เพราะญาติต้องได้ดู เพื่อให้หายข้อสงสัย แต่ให้ญาติพูดคุยกันและรวมตัวกันมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วดูพร้อมๆกัน ในขณะเดียวกัน หากญาติไม่พอใจการทำงานของตำรวจ สภ.เวฬุวัน และต้องการให้เปลี่ยนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นชุดใหม่ก็จะเปลี่ยนให้โดยจะแต่งตั้งรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ ภ.จว.ขอนแก่น เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ “วันนี้ได้พบและพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติคนตาย จริงๆเรื่องนี้ไม่น่าจะยืดเยื้อ ถ้าตำรวจ สภ.เวฬุวัน มีการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับญาติพี่น้องคนตาย และให้ญาติดูกล้องวงจรปิดตั้งแต่หลังเกิดเหตุ หรือรับแจ้งความก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาแบบนี้ แต่เมื่อเกิดปัญหาแล้ว ผกก.สภ.เวฬุวันก็ไม่นิ่งเฉย มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อสืบสวนสอบสวนให้กระจ่างชัดหับสิ่งที่ญาติติดใจการตาย และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวคนตาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอผลชันสูตรศพจากแพทย์ด้วยว่า การตายครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด มีบุคคลอื่นทำให้ตายหรือไม่ ถ้าแพทย์ระบุว่าตายเพราะถูกทำร้าย ก็จะมีการติดตามคนที่ทำให้ตายมีดำเนินการตามกฏหมาย” ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวต่อีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสั่งย้ายตำรวจในสภ.เวฬุวันแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนถูกควบคุมตัวไม่ได้เกิดใน สภ.เวฬุวัน แต่เกิดขึ้นภายนอก มาตายในห้องขังของ สภ.เวฬุวัน ฉะนั้น ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนรวมถึงรอผลชันสูตรศพจากแพทย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในระหว่างที่คณะกรรมการฯกำลังทำการตรวจสอบอยู่นั้นก็ขอให้ญาติพี่น้องคนตาย ใจเย็นๆก่อน และขอยืนยันว่า จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา หากคนตายถูกทำร้าย เป็นสาเหตุให้ตายก็จะต้องมีคนรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะที่ น.ส.วาสนา สอนศักดา อายุ42 ปี แฟนผู้เสียชีวิตคน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากแฟนเมาสุราหนักและพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงแจ้งตำรวจไปควบคุมตัวแฟนมาระงับสติที่ สภ.เวฬุวัน เพื่อให้แฟนได้นอน ได้พักผ่อน เมื่อส่างเมาก็จะมารับกลับบ้าน ขอยืนยันว่าไม่ได้แจ้งความจับแฟนตัวเอง ซึ่งเมื่อตำรวจไประงับเหตุที่บ้านก็นำแฟนมาที่ สภ.เวฬุวัน ขณะนั้นร่างกายแฟนก็ยังปกติทุกอย่าง แต่ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังเท่านั้น “แฟนเมา แต่ร่างกายแฟนไม่มีบาดแผลและไม่ได้แจ้งความจับแฟนตัวเอง คิดเพียงว่า เมา คุยกันไม่รู้เรื่อง ตำรวจน่าจะช่วยได้ จึงให้ตำรวจมาคุมตัวไป กระทั่งเช้าวันที่ 30 มีนาคม ตำรวจโทรแจ้งว่าแฟนตายแล้ว จึงรีบเดินทางมาดูศพ ตกใจมาก เพราะแฟนมีร่างกายแข็งแรง แต่ตายในห้องขังโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็มีตำรวจตามให้มาเซ็นในเอกสารแจ้งความ ข้อหาบุกรุกเคหะสถาน จึงไม่เซ็น เพราะไม่ได้แจ้งจับแฟนตัวเอง” ทางด้านนางจันทร์ เพียชา อายุ 60 ปี น้าสาวคนตาย กล่าวว่า หลังเข้าพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และพูดคุยกันก็เข้าใจในกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังข้องใจในเรื่องบาดแผลตามร่างกายของคนตาย ว่า มีได้อย่างไร ก็ให้มีการตรวจสอบหาคนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมาย “ผู้บังคับการตำรวจภูธรก็รับปากว่าจะจัดการให้ และจะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดใหม่ขึ้นมา ตรวจสอบให้ความกระจ่างในทุกประเด็น ทุกข้อสงสัย ขณะนี้ญาติพี่น้องทุกคนพอใจ และจะนำเรื่องที่ได้พูดคุยกันครั้งนี้ไปบอกนางพูลสุข โสภาพล อายุ 73 ปี มารดาคนตายที่กินยาฆ่าตัวตายตามลูกชาย เพราะคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด”