ยังระบาดไม่หยุด ชนิดที่เอาอะไรมาฉุดก็ยุดไม่อยู่ สำหรับ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด–19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่กำลังแพร่ระบาดไปแล้วกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ณ ชั่วโมงนี้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนร่วมล้านคน ส่วนผู้ป่วยที่ถูกไวรัสคร่าชีวิตก็มีจำนวนกว่าครึ่งแสน โดยหลายประเทศของสถานการณ์แพร่ระบาดก็มีทั้งในแบบคลื่นระลอกที่ 1 ซึ่งการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากคนในท้องถิ่นนั้น และคลื่นระลอกที่ 2 ที่เป็น “เชื้อไวรัสอิมพอร์ต” หรือ “เชื้อไวรัสนำเข้า” ตบเท้ามาจากต่างประเทศ ที่แพร่ระบาดเข้ามาจากผู้คนที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดแบบคลื่นระลอกไหน รอบที่เท่าไหร่ ก็ล้วนเป็นภัยพิบัติที่สร้างความหายนะแก่มนุษยชาติเป็นประการต่างๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งผู้ติดเชื้อที่ต้องล้มป่วย รวมไปจนถึงคร่าชีวิต ราวกับพญามัจจุราชที่พิฆาตชีวีของมนุษย์ให้สูญสิ้น ไม่นับผลกระทบด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สภาพความเป็นอยู่ ให้เดือดร้อนกันถ้วนทั่ว อย่างที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่ ล่าสุด ได้เกิดปรากฏการณ์แพร่ระบาดกันรอบใหม่ ประดุจดังคลื่นระลอกที่ 3 ของเชื้อไวรัสโควิดฯ ซึ่งกำลังคุกคามต่อสุขภาพและชีวิตของมนุษย์เรา โดยการแพร่ระบาดระลอก 3 นี้ ก็เป็นเสียงติงเตือนจากบรรดานักวิเคราะห์ ผู้เชี่ยวชาญ สันทัดกรณีทั้งหลาย เห็นสัญญาณเค้าลางการแพร่ระบาดจากเหตุปัจจัยบางอย่าง นั่นคือ “ผู้ติดเชื้อโควิดฯ แบบไม่สำแดงอาการป่วย (Symptom-free or Asymptomatic)” นั่นเอง ผู้ที่ติดเชื้อโควิดฯ แบบไม่สำแดงอาการแบบนี้ ก็จะไม่สำแดงอาการป่วยไข้ออกมา หรือสำแดงอาการออกมาแต่น้อยเต็มที แม้ว่าผู้นั้นมีเชื้อไวรัสร้ายอยู่ในตัวของเขาก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ทำให้ยากต่อการสังเกตอาการว่า บุคคลผู้นั้นป่วยจริงหรือไม่ หรือแม้กระทั่ง “เจ้าตัว” คือ ผู้ติดเชื้อเอง ก็ไม่รู้สึกว่า ตนเองป่วยแต่ประการใด ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อในลักษณะนี้ ย่อหย่อน หรือถึงขั้นไม่ระมัดระวังตัว ต่อการปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นๆ รวมถึงยังเดินทางไปไหนมาไหน ราวกับเป็นคนปกติทั่วไปอีกต่างหาก เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากบรรดาสถาบันการศึกษาด้านสาธารณสุขต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นต้น ออกมาส่งเสียงเพรียกเตือนด้วยความวิตกยิ่งว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อแต่ไม่สำแดงอาการป่วยออกมาเหล่านี้ ก็จะเป็นความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นพาหะแพร่ระบาดของโรคกันอีกครั้งใหญ่ หรือที่เรียกว่า จะเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ซึ่งได้เคยเขย่าขวัญกันในหลายประเทศทีมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ กันเลยทีเดียว ตามการประมาณการเบื้องต้น ก็ระบุว่า ผู้ติดเชื้อแบบไม่สำแดงอาการป่วยออกมาในแต่ละราย สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคไปยังบุคคลอื่นๆ ได้อัตราเฉลี่ย 3 – 3.5 คน ซึ่งผู้ที่รับเชื้อต่อก็ยังสามารถแพร่เชื้อที่เขารับมาไปยังบุคคลอื่นต่อๆ ไปได้อีก เรียกว่า เป็นพาหะของโรคกันเป็นทอดๆ โดยที่ผู้ติดเชื้อที่ไม่สำแดงอากาป่วยรรายแรกต้นทาง ไม่รู้ตัวเอง ว่า ติดเชื้อ และหรือเป็นพาหะของโรค (Silent Carriers or Stealth Transmission) ท่ามกลางวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อจำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่สำแดงอาการป่วยออกมาในลักษณะเช่นนี้ไม่จำนวนที่แท้จริงเท่าไหร่ ในพื้นที่ของประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 พร้อมกับแสดงความกังขาของตัวเลขที่มีรายงานออกมากัน ยกตัวอย่างกรณีของจีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศต้นตอของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ถึงขนาดก่อนหน้านำชื่อเมืองที่เป็นต้นเรื่องของเชื้อโรคมาตั้งเป็นชื่อไวรัส คือ ไวรัสอู่ฮั่น เพราะพบครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลเหอเป่ย นั่นเอง ก่อนทางองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) จะเปลี่ยนชื่อให้ในภายหลังว่า “โควิด-19” โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง “คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน” หรือ “เอ็นเอชซี” ได้เปิดเผยตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 แบบไม่สำแดงอาการป่วยออกมา ว่า มีจำนวน 1,367 คน เป็นการเปิดเผยตัวเลขภายหลังจากทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของการปกปิดข้อมูลต่อไปอีกไว้ไม่ไหวของทางการจีน อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า ไม่น่าเชื่อถือต่อตัวเลขข้างต้นสักเท่าไหร่ โดยน่าจะมีผู้ติดเชื้อในลักษณะนี้มากกว่านั้นไม่ต่ำกว่า 1.5 พันคนเป็นอย่างน้อย ซึ่งมิใช่แต่เฉพาะตัวเลขของผู้ติดเชื้อดังกล่าว แม้กระทั่งผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดฯ ทั้งในการแพร่ระบาดระลอกแรกและระลอกที่สอง ก็น่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.25 แสนคน ไม่ใช่มีจำนวนเพียงแค่ 81,589 คน ตามที่มีรายงานออกไปอย่างเป็นทางการ ทว่า แม้ตัวเลขเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่สำแดงอาการ จะมีรายงานออกไป ณ เวลานี้ ดูจะยังมีไม่มาก อย่างที่จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นต้น แต่ก็สร้างความเป็นห่วงกังวลในเรื่องของการเป็นพาหะของเชื้อโรคอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างรอบใหม่ระลอก 3 เขย่าโลกกันอีกคำรบ ไม่ผิดอะไรกับเป็นมฤตยู หรือมัจจุราชเงียบ ผลาญชีวีชาวโลกอย่างไม่รู้ตัว