อบร้อน65 -75 องศา และฉายแสง UVสามารถกลับมาใช้ซ้ำได้อยู่ที่ 8 ครั้ง ไม่ทำลายเส้นใย หากใส่แล้วหายใจสะดวกแสดงว่าเริ่มเสื่อมสภาพ แนะก่อนฆ่าเชื้อควรเก็บหน้ากากใช้แล้วในถุงกระดาษ หรือถุงที่ระบายความชื้นได้ รศ.พญ.สิริธร วัชรานานนท์ อาจารย์แพทย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงความคืบหน้างานวิจัยฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะหน้ากาก N95 ว่า ในช่วงการระบาดของโรคทุกคนก็ต้องการใช้หน้ากาก ทางทีมวิจัยจึงได้ศึกษาวิธีการเพื่อให้หน้ากาก N95 สามารถนำกลับมาใช้ได้ ในบุคลากรทางการแพทย์ เพราะมีความเสี่ยงสูง จากการใกล้ชิดและสัมผัสผู้ป่วยส่วนประชาชนที่ไม่ได้มีความเสี่ยง แนะนำให้ใช้หน้ากากผ้า ด้าน ผศ.นพ.มล.ทยา กิติยากร อาจารย์แพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าหน้ากาก N95 ขาดแคลน จึงมีแนวคิดหาวิธีการนำหน้ากาก N95 กลับมาใช้ใหม่ และจากการทดลองพบว่า การฆ่าเชื้อหน้ากากN95  หลังใช้แล้วด้วยการอบร้อนแห้งด้วยอุณหถูมิสูงพอ สามารถฆ่าเชื้อได้  ซึ่งได้มีการทดลองว่า การอบร้อนทำลายเชื้อได้หรือไม่ โดยอบนาน 4 ชั่วโมง และขยายใหญ่พันเท่า ก็พบว่าไม่มีความแตกต่างของตัวเส้นใหญ่หรือโครงสร้าง สรุปคือ การอบร้อนด้วยอุณหภูมิเกิน 65 -75 องศาไม่มีผลต่อเส้นใยหน้ากาก คือไม่ทำลายหน้ากาก N95 หรือหน้ากากทางการแพทย์ ส่วนกรณีการฉายแสง UV ทีมวิจัยได้ซื้อเครื่องที่มีขายในท้องตลาดมาทดสอบ โดยฉีดเชื้อโรคเข้าไปในหน้ากาก N95 เพื่อนำมาทดลอง ซึ่งพบว่า การฉายแสง UV เป็นเวลา 20 นาที สามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้ โดยไม่ทำลายเส้นใยของหน้ากากอนามัย N95 นอกจากนี้ หากทำทั้ง 2 วิธีรวมกัน คือ อบร้อน 50 นาที ฉายแสงอีก 11 นาที ก็สามารถฆ่าเชื้อ COVID-19 ในหน้ากากได้เช่นกัน  อย่างไรก็ตามทั้ง 2 วิธี เมื่อนำมาทดสอบฆ่าเชื้อแล้วพบว่า ประสิทธิภาพของหน้ากากหลังฆ่าเชื้อยังใช้ซ้ำได้ ตัวเส้นใยไม่มีปัญหา โครงสร้างก็ยังดีอยู่และยังกันเชื้อโรคได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ได้มีการแนะนำหลังจากใช้หน้ากากแล้วก่อนนำไปฆ่าเชื้อควรเก็บในถุงกระดาษ หรือถุงที่ระบายความชื้นได้ ไม่ควรเก็บไว้ในถุงพลาสติก และควรล้างมือและใส่ถุงมือทุกครั้งหลังจับหน้ากากอนามัย ซึ่งขณะนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีได้เริ่มนำร่องให้บุคลากรทดลองฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัย N95 แล้ว และจากการทดลองพบว่า ประสิทธิภาพที่จะสามารถกลับมาซ้ำได้อยู่ที่ 8 ครั้ง แต่ควรสังเกตว่าเมื่อใส่ N95 แล้วหายใจสะดวก หรือยางที่รัดหูหย่อน แสดงว่าประสิทธิภาพของหน้ากากเริ่มลดลง ไม่สามารถใช้ได้แล้ว และสิ่งสำคัญของการอบฆ่าเชื้อคืออุณหภูมิที่ต้องร้อนเพียงพอถึงจะฆ่าเชื้อได้แต่หากร้อนเกินไปก็จะทำลายเส้นใยของหน้ากากได้