ธนาคาสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย)หั่นจีดีพีติดลบ 5% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 41 หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 รุนแรงมากขึ้น พร้อมคาดแบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง เหลือ 0.25% แต่หากสถานการณ์ทรุดหนักอาจใช้ดอกเบี้ยนโยบายติดลบ นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคาสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ระบุว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีไทยปี 2563 ลง เป็นติดลบ 5% จากเดิมคาดว่าติดลบ 1% หลังจากการระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้น ซึ่งนับเป็นอัตราหดตัวมากที่สุดตั้งแต่ปี 2541 พร้อมคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้จะเกินดุลอยู่ที่ 4.5% ของจีดีพี จากการนำเข้าลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาน้ำมันลดลงและการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่งหลังไตรมาส 2 นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งๆละ 0.25% ในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 0.25% ณ สิ้นปี 2563 และหากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แย่ลง มีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือศูนย์หรือติดลบ ดังนั้นนโยบายการคลังจำเป็นต้องมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับศูนย์หรือติดลบ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีผลทำให้เงินบาทอ่อนค่าและเงินทุนไหลออก ขณะที่มาตรการคิวอี มองว่าไทยคงยังไม่ใช้ เพราะยังมีความไม่ชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลถึงภาคธุรกิจอย่างไร พร้อมกันนี้ยังปรับประมาณการณ์ค่าเงินบาทช่วงกลางปีนี้อยู่ที่ระดับสูงกว่า 32.50 บาท/ดอลลาร์ จากเดิม 31.50 บาท/ดอลลาร์