ศ.ดร.สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลจะกู้เงิน 8​ แสนล้าน​ ถึง​ 1 ล้านล้านบาท​ว่า คิดเป็น​ 5% ถึง​ 6% ของ​ผลผลิตรวมของไทย​ (GDP​ ไทย​มีขนาด 16.7​ ล้านล้านบาท)​ นับว่ามาก​ สำหรับประเทศไทยที่มีฐานรายได้ภาษีต่ำ​ ถ้าหากรัฐบาลใช้เงินนี้ไม่ถูกทาง​ จะเกิดภาวะข้าวของแพง​ และเงินเฟ้อสูงได้​ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่​ 2 จึงขอท้วงติงไว้ก่อน​ว่า​ ในด้านการชดเชยรายได้ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล รัฐบาลควรโยกย้ายงบประมาณปัจจุบัน​มาใช้ ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดก่อน​ โดยเฉพาะงบที่ไม่จำเป็น​เร่งด่วน เช่น​ ซื้ออาวุธ​ สร้างตึก​ อบรมสัมมนา​ การเดินทางดูงาน และงบโฆษณาประชาสัมพันธ์​ รัฐบาลควรใช้งบฯเหล่านี้​ เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน​ จากการที่รัฐบาลสั่งหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจก่อน นายสุชาติ กล่าวอีกด้วยว่าหากรัฐบาลจะกู้เงินมากขนาดนี้​ รัฐบาลต้องกู้ไปสร้างงาน​ ให้คนมีงานทำมีรายได้ ไปสร้างสิ่งของที่เป็นประโยชน์​ต่อประเทศ เพื่อฟื้นระบบเศรษฐกิจ จึงจะสามารถเพิ่มผลผลิต​ เพิ่ม​ GDP​ ได้​ และไม่ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่ถ้ารัฐบาลกู้เงินไปมากๆ​ แล้วยังไม่ให้ประชาชนทำงาน​ ไม่ให้​เอกชนทำการผลิต​ รัฐบาลก็ไม่จ้างงานเพิ่ม​ เพื่อสร้างโครงสร้างบริการพื้นฐานของประเทศ ก็จะเกิดเงินเฟ้ออย่างแน่​นอน "ตัวอย่าง​เช่น​ ในช่วงสงคราม​โลกครั้งที่​ 2 มีการพิมพ์เงินบาทออกมามากมาย​ แต่ไม่ได้จ้างงาน​ คนไม่ได้ผลิต​ ทำให้สินค้าขาดแคลน​ ขึ้นราคามากมาย​ จึงมีแต่เงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนยากลำบากอย่างยิ่ง เมื่อมีเงินเฟ้อมากๆ​ ขนาดนั้นแล้ว จะหยุดยาก"