ปตท.สผ.พร้อมเดินหน้าแผนงาน ปี 2563 แม้เผชิญวิกฤติการณ์ราคาน้ำมันและการระบาดของไวรัสโคโรนา-19(โควิด-19) ประเมินสถานะการเงินยังแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีต้นทุนการดำเนินงานในระดับต่ำ ประกอบกับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติมีการกำหนดราคาขายตามสัญญาไว้แล้ว รวมทั้งมีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ส่วนหนึ่ง พร้อมปรับแผนงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายในอนาคต นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วกว่า 60% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ปตท.สผ. ประเมินว่าปริมาณการขายในปี 2563 อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะ โดยปริมาณการขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 388,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ไม่เกิน 5% ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณการขายของบริษัทกว่า 70% เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีการกำหนดปริมาณรับซื้อขั้นต่ำไว้แล้วตามสัญญา ด้านราคาขายซึ่งประกอบด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่วนของน้ำมันดิบซึ่งมีปริมาณการขายประมาณ 30% ของปริมาณการขายทั้งหมด อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาประกันความเสี่ยงด้านราคาไว้แล้วบางส่วน สำหรับราคาขายก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลัก ปตท.สผ.ได้กำหนดราคาขายในหลายโครงการกับคู่สัญญาไว้แล้ว ซึ่งหากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะต่อไป โดยจุดแข็งที่สำคัญของ ปตท.สผ. อีกประการหนึ่งคือเรามีโครงสร้างต้นทุนในระดับต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราทำการปรับตัวในช่วงที่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเผชิญกับวิกฤตราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการหลักเราอยู่ในไทย มาเลเซีย เมียนมา และตะวันออกกลางซึ่งถือว่ามีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก ทำให้บริษัทยังคงรักษาความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไว้ได้ ขณะเดียวกันสถานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันที่ยังมีความมั่นคง จึงมั่นใจว่าจะสามารถรองรับความผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นเตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่อาจจะอยู่ในระดับต่ำในระยะยาว บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆเช่น การบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลื่อนแผนการเจาะสำรวจในบางโครงการออกไป เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึงเสมอคือต้องไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต รวมถึงความต้องการใช้พลังงานของประเทศด้วย สำหรับแผนการดำเนินงานในโครงการG1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ G2/61 (แหล่งบงกช) นั้นยังคงดำเนินการแผนเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้รวมกัน 1,500ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตที่มีไว้กับรัฐบาลในปี 2565-2566 นายพงศธร กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบใน วงกว้าง ซึ่ง ปตท.สผ. มีแผนการบริหารจัดการภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) รองรับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสามารถผลิตปิโตรเลียมให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสดังกล่าวในทุกพื้นที่ปฏิบัติการ โดยที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯมีมาตรการให้พนักงานทำงานจากที่พักอาศัย(Work from Home) ส่วนในต่างประเทศ ต่างจังหวัด และนอกชายฝั่งมีมาตรการต่างๆเพื่อความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทเช่นกัน โดยได้เลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ออกไป เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในสถานที่ต่างๆ แต่ยังคงจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นตามกำหนดเดิม ไม่ให้กระทบต่อสิทธิผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล โดย ปตท.สผ. ยังได้ให้การสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆที่จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส เช่น มอบหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้กับเขตจตุจักรนำไปส่งต่อให้กับประชาชนมอบแอลกอฮอล์ให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อนำไปผลิตเจลล้างมือแจกจ่ายประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนสถาบันการศึกษาและโรงพยาบาลต่างๆในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยยับยั้งและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ชุดตรวจคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19(Strip test),ชุดตรวจวินิจฉัยไวรัสโควิด-19,เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ รวมทั้ง รถพยาบาลและเครื่องช่วยหายใจเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยป้องกันไวรัสโคโรนา-19 “ผมเชื่อว่าขณะนี้ทุกองค์กรมีเป้าหมายเดียวกันคือ การทำให้คนไทยปลอดภัย ซึ่ง ปตท.สผ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานต่างๆอย่างเต็มความสามารถ ขณะเดียวกันขอให้ความมั่นใจว่า ปตท.สผ.จะยังคงปฏิบัติภารกิจในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างเข้มแข็ง เพื่อเป็นพลังงานให้กับประเทศไทยและคนไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน”