ธนาคารโลกระบุภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเสี่ยงเกิดภาวะช็อคจากโควิด-19 ส่งผลตัวเลขคนจนเพิ่มขึ้น11 ล้านคน คาดการณ์จีดีพีในภูมิภาคฯติดลบ 0.5% ขณะที่จีดีพีไทยติดลบ 3-5% นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทยเปิดเผยว่า โควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการผลิตในประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากความตรึงเครียดทางการค้า ถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเงินภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้หากสถานการณ์ย่ำแย่ หรือเกิดภาวะช็อคจากโควิด-19 จะทำให้การเติบโตจีดีพีของจีน อาจขยายตัวได้เพียง 0.1% จากคาดการณ์เดิมปี 2562 ว่าจะเติบโต 6.1% ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟฟิกจะติดลบ 0.5% จากประมาณการณ์เดิม 5.8% และคาดว่าจีดีพีไทยจะติดลบ 3-5% จากภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักติดลบ ขณะเดียวกันภาวะช็อคจากโควิด-19 ยังส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาวะความยากจนของภูมิภาค โดยธนาคารโลกประเมินว่าจะทำให้มีตัวเลขคนจนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 11 ล้านคน จากเดิมคาดว่าปี 2563 จะมีตัวเลขผู้หลุดพ้นความยากจนเกือบ 35 ล้านคน โดยธนาคารโลกแนะนำว่าให้มีการลงทุนเร่งด่วน เพื่อสร้างความสามารถในการรองรับด้านสาธารณสุขและการเตรียมความพร้อมระยะยาว รวมทั้งเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศและความร่วมมือในรูปแบบใหม่ระหว่างรัฐบาล-เอกชนแบบข้ามพรหมแดน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการผลิตสินค้าเวชภัณฑ์ที่สำคัญและการบริการต่างๆในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 สิ่งสำคัญคือ ควรจะต้องมีการเปิดนโยบายทางการค้าเอาไว้ เพื่อให้ทุกประเทศมีเวชภัณฑ์และสินค้าอื่นๆไว้ใช้และเป็นการช่วยให้การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ได้เสนอแนะการลดหย่อนสิน เชื่อเพื่อช่วยให้ครัวเรือนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้โดยไม่มีปัญหา และช่วยประคองให้ธุรกิจต่างๆ รอดพ้นจากภาวะดังกล่าวซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของภาคครัวเรือนที่ต้องพึ่งพาภาคธุรกิจ