เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้สั่งการให้ นายชัยวัฒน์ ธรรมวัตร ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองอุดรธานี ,นายเฉลิมศักดิ์ อินทร์หา ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง,นายเศรษฐา สุขใจ ปลัดอำเภอ,นายณัฏฐวัฒน์ ศรีโยวงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน พร้อมด้วยสมาชิก อส.และ พ.ต.ต.พิเชฐ ปักเคธาติ สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.วงศ์วิศ ธรรมโกลัง รอง สวป.สภ.เมืออุดรธานี และ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ. เมืองอุดรธานี ตรวจตราความสงบเรียบร้อยภายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานีและ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ต่อมา เวลา 22.00 น. ได้มีราษฎรร้องเรียนว่า มีการรวมกลุ่มของบุคคล ที่น่าสงสัยว่าเป็นแก๊งทวงหนี้ ได้มั่วสุมดื่มสุรา ส่งเสียงดังภายในบริเวณ บ้านนาทราย หมู่ที่ 3 ซอยสามัคคี9 ตำบลหนองบัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ จึงเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่รับแจ้งดังกล่าว เมื่อไปถึง ณ บ้านเลขที่ 204 ซอยสามัคคี9 ได้พบ มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กว่า 10 คัน จอดอยู่หน้าบ้านและภายในบริเวณบ้าน เมื่อเดินเข้าไปภายในบริเวณบ้านพบกลุ่มบุคคล จำนวน 12 คน นั่งตั้งวงดื่มสุรา เบียร์ สุราขาว และเครื่องดื่ม เปิดเพลงจากท้ายรถยนต์ ส่งเสียงดัง สนุกสนาน รบกวนชาวบ้านละแวกนั้น โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่าใด เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจและสั่งให้ปิดเพลง โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่ากำลังเลี้ยงสังสรรค์ฉลองวันเกิดเพื่อน โดยพรุ่งนี้เช้าจะแยกย้ายเดินทางกลับบ้านซึ่งแต่ละคนมาจากหลายจังหวัด เมื่อสอบถามถึงการประกอบอาชีพ แจ้งว่ามีอาชีพรับจ้างทวงหนี้ และถูกนายจ้างเลิกจ้างแล้วจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ชุดปฏิบัติการจึงได้แจ้งกลุ่มบุคคลดังกล่าว ว่าได้กระทำผิด โดยมั่วสุมกัน ทำการอันก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามข้อกำหนดแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จึงได้เข้าจับกุม แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ยินยอมให้จับกุม อ้างว่าไม่ได้มั่วสุม ไม่ได้ติดเชื้อโควิดและดื่มกินภายในบ้านของตนเองเท่านั้นไม่ได้ออกไปไหน พร้อมทั้งยอมรับว่าผิดที่มั่วสุมกัน ทั้งยังรู้ถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 และขอเจรจาต่อรองขอให้ปล่อยไป เพราะจะแยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว โดยยังไม่ยอมให้จับกุม ชุดปฏิบัติการจึงได้ขอกำลังเสริม จาก สภ.เมืองอุดรธานี เพิ่มเติม จึงสามารถจับกุมควบคุมตัวมายังฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองอุดรธานี ได้ในประมาณเวลา 23.30 น. ซึ่งพฤติการณ์ของบุคคลทั้ง 12 คน ที่รวมตัวกันนั่งดื่มกิน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหาร ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโลนา2019 (COVID-19) อันเป็นการฝ่าฝืนข้อ 5 แห่งข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีโทษตามข้อ 15 คือ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 หรือข้อ 6 แห่งข้อกำหนดนี้ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ว่า ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงได้บันทึกจับกุมทั้ง 12 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.