“พันธ์ยศ” ยัน "หน้ากากอนามัย-ชุดป้องกันโควิด-19" เตรียมไว้บริจาคให้​ "บุคลากรทางการแพทย์-ปชช.” หลังเจ้าหน้าที่ค้น "ไทยเฮลท์" รอบสอง เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่​จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)​ จำนวนหนึ่ง เข้าขอตรวจค้นอาคาร​ Thaihealth​ เขตหนองแขม​ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากกรณีที่นายศรสุวรีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี เคยโพสต์จำหน่ายหน้ากากอนามัย​ 200​ ล้านชิ้น และเคยใช้ภาพที่บางส่วนเกี่ยวข้องกับอาคารของตน ว่า การตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสามหน่วยงานตรวจพบหน้ากากอนามัยซึ่งเจ้าหน้าที่เคยมาตรวจแล้วเมื่อครั้งก่อนและชุดป้องกันโควิด-19 ที่ตนนำมาเตรียมมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลนไว้ใช้ดูแลประชาชน ซึ่งไม่นานมานี้ตนได้นำไปบริจาคให้ประชาชน บุคลากรทางการแพทย์และสถานพยาบาลหลายแห่งแล้ว นายพันธ์ยศ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันไปว่า หน้ากากอนามัย และชุดป้องกันโควิด-19​ ที่ตนมีอยู่นั้น ตนบรรจุในกล่องใหม่แล้วเขียนไว้บนซองว่า สำหรับบริจาคเท่านั้น แต่ตนยินดีให้ตรวจสอบในครั้งนี้ โดยตำรวจบก.ปอท.แจ้งว่า ขออายัดของกลางนี้ไว้ก่อน ตนจึงสอบถามว่า ตนมีความผิดในข้อหาใด เพราะตนไม่ได้กักตุนไว้จำหน่ายและเป็นของเก่าที่เตรียมไว้บริจาค ซึ่งตำรวจบก.ปอท.แจ้งมาว่า ขอให้ตนไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตนยินดีที่จะไปให้ข้อมูลกับภาครัฐทุกหน่วยงาน แต่กรณีนี้ตนสอบถามเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่มาร่วมตรวจค้นในครั้งนี้ว่า อายัดสิ่งเหล่านี้ด้วยความผิดใด ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า เป็นการดำเนินการตามมาตรการแก้ปัญหา ด้วยมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งถือ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 ได้กำหนดให้สินค้าหน้ากากอนามัยเป็น “สินค้าควบคุม” เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 และกำหนดมาตรการขั้นเริ่มจากบังคับให้ผู้ถือครองหน้ากากอนามัย 500 ชิ้น เจลล้างมือ ต้องแจ้งปริมาณ สถานที่จัดเก็บ แจ้งโครงสร้างราคาต้นทุน “ผมสอบถามกลับไปว่า สิ่งที่อยู่ในสถานที่ของผมในครั้งนี้ ผมไม่ได้จำหน่าย แต่มีไว้เพื่อบริจาค และขอถามว่าตอนนี้สถานพยาบาลหลายแห่งโพสต์ขอรับบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากากอนามัย และมีนักการเมืองบางพรรคก็นำหน้ากากอนามัยไปบริจาคจำนวนมาก ผมจึงสอบถามไปว่า การกระทำแบบนั้นมีการแจ้งกระทรวงพาณิชย์ก่อนที่จะดำเนินการหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ผมเห็นข่าวหลายวันก่อนว่านายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ากรณีของผมนั้นสายตรวจกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า มีการกักตุนหน้ากาก 1,500 ชิ้น จึงออกหมายเรียกมาดำเนินคดี ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ ซึ่งกรมการค้าภายในมีอำนาจจะเปรียบเทียบปรับได้เลย ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากกรณีของนายศรสุวีร์นั้น ผมมีข้อสังเกตว่า การตรวจสอบครั้งล่าสุดในสถานที่ของผมนั้น อยู่ในกรณีนี้หรือไม่ ผมก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจงที่แน่ชัดในการตรวจคราวนี้ แต่ขอย้ำว่า ผมพร้อมไปพบและพร้อมชี้แจงกับกระทรวงพาณิชย์ แต่ควรแจ้งให้ผมทราบให้ชัดว่าผมทำผิดข้อหาใด เพราะเจตนาของผมคือบริจาค มิได้มีไว้จำหน่าย” นายพันธ์ยศกล่าว นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ตอนนี้ตนขอไปพบเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เรียบร้อย​ การที่โรงพยาบาล สถานพยาบาลและหน่วยงานอื่นๆ ที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับบริจาค​หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตนขออภัยและขอเลื่อนไปก่อนเพื่อไปทำความชัดเจนเรื่องนี้ให้แน่ชัดและยุติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า ประชาชนอย่าตระหนกกับไวรัสตัวนี้ ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และรัฐบาลที่มีมาตรการออกมาอย่างเคร่งครัด หากทุกคนทำได้ บ้านเมืองของเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี ตนเชื่อมั่นคนไทยทุกคนว่ามีน้ำใจ เคารพกติกา พร้อมช่วยเหลือกันและกันในยามทุกข์ยาก หลายเหตุวิกฤตในบ้านเมืองก็ผ่านมาได้ด้วยดีเพราะคนไทยร่วมใจกัน นายพันธ์ยศ กล่าวว่า สำหรับกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบขบวนการการกักตุนหน้ากากอนามัยว่าตนเกี่ยวข้องเเละอ้างว่าตนหลอกขายชุดพีพีอีเเพงเกินจริงนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นจริงตามที่นายอัจฉริยะอ้างทุกกรณี ตนขอใช้สิทธิทางกฎหมายปกป้องตัวเองเเละสิ่งที่นายอัจฉริยะกล่าวไว้นั้น ขอให้พิสูจน์ออกมาให้หมด มิฉะนั้นตัวนายอัจฉริยะเอง อาจจะตกเป็นที่สงสัยของประชาชนก็เป็นได้​