วันที่ 31 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นพิษภาคเหนือยังคงวิกฤตต่อเนื่อง จากสาเหตุการเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ โดยเช้าวันนี้ พบ 5 อันดับสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ (รพ.สะเมิง) 577 ไมโครกรัม สถานการณ์ที่ จ.เชียงใหม่ ยังเกิดไฟป่าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ทำให้ตัวเลขค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่ในตำบลบ้านปง อำเภอหางดง,ตำบลแม่เหียะ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลสุเทพ ที่เมื่อไฟไหม้แล้วสามารถมองเห็นได้จากตัวเมืองอย่างชัดเจน ล่าสุดเสียพื้นที่ป่าแล้วกว่า 2,500 ไร่ ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าที่บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ - ปุย เริ่มคลี่คลาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการลาดตระเวนร่วมกับประชาชน ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 เตรียมกำลังพลในการสนับสนุนการปฏิบัติการดับไฟในพื้นที่ภาคเหนือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดจุดความร้อน อย่างเต็มที่ ด้านรองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ให้กำลังใจทุกหน่วยงานที่ร่วมกันปฏิบัติงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไปด้วยความเข้มแข็ง อดทน เพื่อทำให้อากาศทางภาคเหนือกลับมาเหมือนเดิม สำหรับจุดความร้อนสะสมเปรียบเทียบ ปี 62 - 63 ห้วงวันที่ 1 ม.ค.- 31 มี.ค.63วันนี้ พบว่า ใน 17 จังหวัดภาคเหนือเกิดจุดความร้อน สะสม จำนวน 97,177 จุด โดยพบจุดความร้อนสะสมมากที่สุด ที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 15,244 จุด ส่วนจุดที่เกิดไฟป่ามาแล้ว ทางชาวบ้านและ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ก็ยังเข้าไปสำรวจ และดับไปที่ยังค้างอยู่ สาเหตุที่ไฟป่าลดเพราะเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ถูกเผาไหม้ไปแล้ว และคงไม่เกิดซ้ำอีก หรือเกิดก็จะเป็นไฟที่ลุกไหม้จากการที่มีควันแล้วมีลมพัด ทำให้ตอไม้ที่ยังมีควันอยู่เกิดไฟลุกไหม้อีกครั้ง แต่ก็จะไม่ลุกลาม เนื่องจากพื้นที่โดยรอบนั้นเชื้อเพลิงหมดไปแล้ว จึงทำให้ค่าฝุ่นละอองในอากาศที่เมืองเชียงใหม่เป็นแอ่งกะทะยังปกคลุมไปทั่ว หากฝนลมมาก็จะหายไปดังเช่นทุกปี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอขอบคุณทางภาคส่วน ทั้งกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อปท. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ตลอดจนภาคประชาชนจิตอาสา ทั้งชมรมร่มบินอาสาเชียงใหม่ กลุ่มโดรนจิตอาสา และกลุ่มมอเตอร์ไซด์วิบาก ที่ได้ระดมกำลังมาเฝ้าระวังและป้องกัน ทั้งภาคพื้นที่ดินและทางอากาศ หลังสถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย รุนแรงต่อเนื่องกันมากว่าสัปดาห์ โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมดับไฟป่าที่เกิดในพื้นที่ป่าติดกับตัวเมืองได้แล้ว แต่ยังพบว่าจุดที่เกิดไฟป่านั้นยังมีควันคลุกกรุ่นออกมา ซึ่งตลอดทั้งวันได้นำเจ้าหน้าที่ เข้าพื้นที่เพื่อลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ป่าโดยรอบวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ กว่า 100 นาย พร้อมทำแนวกันไฟไว้โดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามสร้างความเสียหายกับพื้นที่บริเวณวัด หากเกิดไฟป่าปะทุขึ้นมาอีก .ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการควบคุม ผู้ที่เดินทางเข้า-ออก พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปลักลอบจุดไฟเผาป่าซ้ำอีก จากการประเมินเบื้องต้นมีพื้นที่เสียหายจากไฟป่าแล้วประมาณ 2,500 ไร่