“บิ๊กตู่” ย้ำ คนลงทะเบียนรับ 5 พัน ต้องถูกคัดกรองคุณสมบัติ เตรียมหามาตรการอื่นเพิ่มให้คนไม่เข้าเกณฑ์ เผย พ.ร.ก.กู้เงินกำลังดำเนินการ จ่อใช้ยาแรง หยุดบริการขนส่งทุกชนิด หากปชช.ยังเคลื่อนย้ายโดยไม่จำเป็น ขู่ผีพนันไม่ว่าหนีไปเล่นทีไหน สั่งจนท.ฟันเด็ดขาด ระบุยังไร้แนวโน้มยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอประเมิน 1 เดือนแรกก่อน หากไม่ดีขึ้นพร้อมขยายเวลาใช้ตามกม.มาตรการเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ห่วงพระสงฆ์ ขอมาตรการทำบุญ สวดมนต์ โรงทาน กำหนดจำนวน วิธีการทำบุญให้เหมาะสม ส่ง ไอเลิฟยู ก่อนขึ้นตึกไทย วันที่ 31 มี.ค. 63 เมื่อเวลา 14.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านไลฟ์สดทางเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ว่า วันนี้ตนได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปชี้แจง แล้วว่าประชาชนส่วนใดที่จะได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาทบ้างเพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งลูกจ้างรายวัน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งได้รับผลกระทบจริงๆ จากการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะบางคนไปลงทะเบียน เพื่อหวังว่าจะได้เงินโดยทันที แต่มันจำเป็นจะต้องมีมาตรการคัดกรอง ซึ่งการคัดกรองจะใช้ระบบ AI ดำเนินการเพื่อวิเคราะห์คัดกรอง คุณสมบัติผู้ลงทะเบียนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เมื่อตรวจสอบทั้งหมดแล้วข้อมูลจะถูกยืนยันและจ่ายเงินเข้าระบบ ดังนั้นผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จประมาณ 20 ล้านคน ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับเงินเยียวยา ขอให้ทำความเข้าใจร่วมกันด้วย ผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบตามที่กำหนดก็จะถูกคัดแยกออกไป ส่วนที่มีข่าวออกมาว่า ผู้ลงทะเบียนบางรายพยายามลงให้ได้มากที่สุดเพื่อมีโอกาสฟลุคที่จะได้รับเงินนั้น ถ้ากรอกข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีการตรวจสอบพบในภายหลังรับเงินเยียวยาไปแล้ว จะต้องถูกเรียกเงินคืน ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ของท่านด้วย เพื่อรักษาสิทธิของตัวเองให้ได้ ตนเข้าใจว่าทุกคนอาจได้รับผลกระทบมากน้อยแต่ต่างกันไปในภาวะวิกฤติโรคระบาดนี้ ตนอยากให้ทุกคนได้เข้าใจและเห็นใจซึ่งกันและกัน อย่าไปตัดโอกาสการเข้าถึงโอกาส การช่วยเหลือของคนที่ลำบากจริงๆ อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติรับเงินเยียวยา 5 พันบาทนี้ รัฐบาลก็จะหามาตรการช่วยเหลือ อาจจะออกมาตรการอื่นเพิ่มเติมเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดผลกระทบของประชาชนให้ได้มากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นนานพอสมควร เราจะมีมาตรการระยะ 3 ถึง 4 ออกมา ตนให้มีการพิจารณาในช่วงวงรอบ 3 เดือน ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ เราจำเป็นต้องจัดการงบประมาณทั้งภายในและภายนอก ทั้งงบประมาณปี 63 และพระราชกำหนดกู้เงิน ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอ เราพยายามทำอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการต้องดูว่าใช้เงินอย่างไร หาเงินจากที่ไหน ให้เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลา 7 วันแล้วที่คนในกทม.เดินทางกลับต่างจังหวัด สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มสูงขึ้น วันนี้อยากกราบเรียนว่า การที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ก็เป็นมาตรการที่ทำให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่ามีการตรวจสอบคัดกรองมากยิ่งขึ้น ประชาชนที่รู้ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ามาพบแพทย์มากขึ้น ทำให้มีโอกาสตรวจพบเชื้อได้มากยิ่งขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ ใครที่ไม่ได้ใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงหรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่ดูแลตัวเองดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตรวจหาเชื้อ เพราะเรามีความจำเป็นต้องควบคุมการใช้จ่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อให้เพียงพอกับผู้ที่ติดเชื้อหรือมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตามในส่วนของการปรับมาตรการต่างๆ ตนได้มอบหมายให้กระทรงมหาดไทย ซึ่งรับผิดชอบตามกฎหมาย ร่วมกับกระทรงวงอื่น ๆที่เกี่ยวข้องตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจในการพิจารณาทั้งเรื่องการห้ามประชาชนเข้า-ออกพื้นที่ในจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดก็มีการปิดหลายสถานที่ ห้ามจำหน่ายสุรา ห้ามเล่นกีฬา ในเรื่องของการพนัน มีมาตรการเด็ดขาดต้องถูกลงโทษตามกฎหมายในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะหนีไปเล่นที่ไหนก็ตาม ตนได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน ตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว “ทั้งนี้การเดินทางของประชาชนออกนอกเขต นอกจังหวัด วันนี้หลายคนก็เป็นห่วง อยากให้ปิด อยากให้หยุด อยากให้อะไรต่างๆ เราก็ต้องดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะการจับจ่ายซื้อหาสินค้า ทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง รัฐบาลก็เน้นให้บริการแกร็บ ไลน์แมน มีการตรวจสอบการติดเชื้อของผู้ให้บริการเหล่านี้ด้วย และอย่าไปแออัดในร้านค้าที่รับของไปส่งด้วย เพราะจะนำการแพร่เชื้อไปสู่ผู้บริโภค ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองและผู้อื่นเสมอ ในส่วนของการเดินทาง ได้ให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณา หากยังมีการเคลื่อนย้ายประชาชนเป็นจำนวนมากอยู่ ซึ่งเราก็เข้าใจถึงความสะดวกแต่บางคนก็ใช้โดยไม่จำเป็น ผมจึงได้ให้ไปดูว่าการให้บริการขนส่งต่างๆ ของภาครัฐจะทำอย่างไร จำเป็นต้องลดจำนวนลงหรือไม่ หรือกำหนดให้บริการกี่เที่ยวต่อวัน ในเมื่อให้ทำกันเองแล้วยังไม่เรียบร้อย ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต่อไปต้องเจอสถานการณ์การลดให้บริการทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถโดยสาร หรือรถเมล์ ก็จำเป็นต้องลดเที่ยวให้บริการ จนกว่าจะเรียบร้อย ถ้ายังไม่เรียบร้อยอีกก็จะหยุดให้บริการทั้งหมด นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของสินค้าราคาสูงขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากมีร้านค้าและผู้ประกอบการหลายแห่งฉวยโอกาส ตนได้สั่งการไปแล้ว ประชาชนสามารถแจ้งได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำทำงานตามจุดตรวจสกัดทั้งหมด สามารรถรับเรื่องร้องเรียนได้ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบได้ทันที เพราะมีอำนาจตามกฎหมายที่ให้เพิ่มไปแล้วตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงหนี้นอกระบบ ก็มีจำนวนมากขึ้น ประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจสกัดได้ เมื่อรับเรื่องมาก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ เรียกมาดำเนินคดีหรือไกล่เกลี่ย เช่น ขอร้องกันว่าช่วงนี้ยังไม่ต้องผ่อนชำระ ให้ใช้ดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนด ไม่เช่นนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการอย่างไม่ละเว้น นายกฯกล่าวว่า ส่วนการประเมินผลด้านต่างๆหลังประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ได้ประเมินผลทุกสัปดาห์อยู่แล้ว ทั้งในที่ประชุมครม.และที่ประชุมอนุกรรมการต่างๆในคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่มีนายกฯเป็นผู้นำอยู่แล้ว มีการทบทวนทุกสัปดาห์ โดยพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจตามกฎหมายใช้ได้ 3 เดือน แต่วันนี้ประกาศใช้ 1 เดือนก่อน หากประเมินผลแล้วถ้ายังจำเป็นก็จะประกาศต่อในเดือนที่ 2 และเดือนที่ 3 โดยมาตรการเข้มข้นขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้นเวลานี้ยังไม่มีแนวโน้มจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้จะให้หน่วยงานไปพิจารณาเรื่องอะไรที่ทำแล้วได้ผลและดีขึ้น อาจผ่อนผัน แต่ถ้าอันไหนยังไม่ดีขึ้นก็เข้มงวดมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการควบคุมคนต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทย วันนี้มีเฉพาะที่มีการทำงานในประเทศไทยอยู่แล้วเท่านั้น แต่ในส่วนอื่นๆหากเข้ามาโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศเสี่ยงต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว 14 วัน ทั้งสถานที่ของรัฐและที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแล และเมื่อสู่ภูมิลำเนาทุกคนต้องถูกกระทรวงสาธารณสุข บันทึกข้อมูลโดยร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผ่านแอปพิลเคชันติดตามตัวควบคุมยังถิ่นที่อยู่อาศัย นายกฯกล่าว ส่วนการทำบุญทางศาสนาของเราตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่คู่สังคมไทยมานาน ได้รับความเชื่อมั่นและเชื่อถือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการนับถือศาสนาพุทธ ฉะนั้นเรื่องของวัดตนเป็นห่วงเรื่องของพระ ได้เน้นย้ำไปแล้วมาตรการในการทำบุญ การสวดมนต์ต่างๆต้องมีการแยก กำหนดจำนวน กำหนดวิธีการทำบุญต่างๆให้เหมาะสม ทั้งเรื่องการใส่บาตรหรือโรงทาน ตนรู้ทุกคนมีเจตนาที่ดี แต่เราจำเป็นต้องช่วยกันคิด เพราะนายกฯจะไปลงรายละเอียดมากๆคงไม่ไหว ดังนั้น ขอให้ทุกส่วนราชการ ทุกหน่วยงาน ประชาชน ประชาสังคม ธุรกิจเอกชน ช่วยกันหามาตรการของตัวเองออกมาเพื่อรองรับนโยบายหลักของรัฐบาลในทุกประเด็น นายกฯกล่าวว่า วันนี้ต้องขอโทษด้วยที่ขยับหน้ากาก เพราะรู้สึกหน้ากากไม่เข้ากับจมูกตนไม่ค่อยเข้ากับหน้ากากเท่าไหร่ ขยับอยู่เรื่อยเวลาพูด ทำให้อาจพูดเสียงดังไปนิดต้องขอโทษด้วย จะระมัดระวังตัวเองให้มากที่สุด ขอบคุณด้วยความรักความห่วงใยจากนายกฯ รัฐบาล ถึงประชาชนทุกคนที่พำนักอาศัยในประเทศไทย ขอบคุณ ขอให้ดูแลซึ่งกันและกันให้ดีที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกฯได้เดินกลับมายังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า โดยระหว่างที่เดินไปทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูส่งให้ช่างภาพกับสื่อมวลชน ที่อยู่หน้าห้องทำงานผู้สื่อข่าว 2 ติดกับประตู 1 ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล