ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (30 มี.ค.63) นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าฯนนทบุรี เตรียมออกคำสั่งให้ร้านสะดวกในจังหวัดนนทบุรีทั้งหมด หยุดให้บริการตั้งแต่เวลา 23.00 น.ถึง 05.00 น.โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.63 เป็นต้นไป เพราะที่ผ่านมายังมีบุคคลบางกลุ่มออกมารวมตัวกัน ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น อีกทั้งจะทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไปด้วยความอยากลำบาก ผู้ว่าฯนนทบุรี กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนนทบุรี มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากผู้ป่วยหรือผู้ที่ไปสัมผัสกับบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบ จึงทำให้เกิดการแพร่เชื้อกระจายไปทั่ว ยกตัวอย่างผู้ที่เสียชีวิตในจังหวัดนนทบุรี พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับสนามมวยแต่ไม่ยอมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ หลังเสียชีวิตจึงมาทราบข้อมูลในภายหลัง ทำให้ต้องเสียบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำการรักษาไปจำนวนหนึ่ง ถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้หลายราย ภาครัฐจะสูญเสียบุคคลากรทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ปิดจังหวัดนั้น ต้องเรียนตามตรงว่า จังหวัดนนทบุรีมีพื้นที่ติดกับกรุงเทพมหานคร จำนวนประชากรแฝงที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนของจังหวัดนนทบุรี มีมากกว่า 700,000 คน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเข้า - ออกมากกว่า 20 เส้นทาง ประชากรที่เดินทาง เข้า - ออกในแต่ละวันมีมากกว่า 300,000 คน ทำให้ไม่สามารถที่จะปิดเส้นทางได้ เนื่องจากจะทำให้ไม่ได้รับความสะดวก เราจึงได้ประชุมเพื่อที่จะหาแนวทางป้องกัน ซึ่งตอนนี้ทางจังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งปิดประกาศหลายพื้นที่แล้วก็ตาม ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่ายังมีประชาชนบางกลุ่ม มีพฤติกรรมมารวมตัวกันที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มขึ้นไปอีก ทางจังหวัดจึงเตรียมออกคำสั่งให้ร้านสะดวกซื้อทุกแห่งในจังหวัดนนทบุรี หยุดให้บริการตั้งแต่เวลา 23.00 น.ถึง 05.00 น.โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 63 หรืออย่างช้าก็เป็นวันที่ 1 เมษายน สำหรับอีกแนวทางที่จะช่วยกันคือ จะแยกกลุ่มผู้สูงอายุออกมาเพื่อมาดูแลเป็นพิเศษ ตอนนี้ใช้บุคคลากรเข้าตรวจสอบแล้ว พบว่าจำนวนผู้สูงอายุมีเกือบ 200,000 คน ซึ่งได้เรียกประชุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีหน่วยงานใหญ่สุด 3 หน่วยงาน คือ อบจ.นนทบุรี , ทน.นนทบุรี และ ทน.ปากเกร็ด เพื่อจัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับสำหรับผู้สูงอายุทั้งหมดเข้ามาดูแล นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนรับเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ถ้าหากเกิดวิกฤตเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งจะรอให้เกิดไม่ได้ ตอนนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะซื้ออุปกรณ์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องฟอกไต ชุดและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการหากเกิดเหตุฉุกเฉิน สำหรับงบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวเบื้องต้นได้รับความร่วมมือจาก นายกอบจ.นนทบุรี มอบเงินช่วยเหลือ 50 ล้านบาท ทน.นนทบุรี 25 ล้านบาท และ ทน.ปากเกร็ด 25 ล้านบาท รวม 100 ล้านบาท