กรณี นักศึกษาไทยจากปากีสถาน จำนวน 34 ราย ได้เดินทางถึงจังหวัดยะลาแล้ว เมื่อวันนี้ ( 30 มี.ค. 63) โดยมีรถขนส่งโดยสารประจำทาง แบบเช่าเหมา จำนวน 2 คัน นำมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยได้ผ่านจุดตรวจที่ด่านบ้านคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ได้นำทั้งหมด ไปยังศูนย์สังเกตุอาการระดับอำเภอเมืองยะลา ซึ่งตั้งอยู่ภายใน ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อกักตัว 14 วัน พร้อมตรวจสุขภาพ คัดกรอง หากพบมีภาวะเสี่ยง ก็จะทำการตรวจโรคโควิด และคัดแยกนักศึกษา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอต่างๆ กลับไปกักตัวเอง 14 วัน ที่ศูนย์สังเกตอาการระดับอำเภอของตนเอง ดังนี้ คัดกรองรอบแรก ที่ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข อ.เมือง จ.ยะลา โดย แยกเป็นรายอำเภอ ส่งไปยังศูนย์ของแต่ละอำเภอเพื่อกักตัว 14 วัน ถ้าพบมีไข้นำส่งโรงพยาบาล หากครบ 14 วันแล้วไม่มีอาการ ส่งกลับบ้านสำหรับนักศึกษาที่เดินทางกลับมาในครั้งนี้ มีนักศึกษาที่มีภูมิลำเนา จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่จะประสานไปยังพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อรับตัวกลับไปกักตัวเอง 14 วันต่อไป นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นพ.สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า นักศึกษาไทยในปากีสถาน ที่เดินทางกลับจังหวัดยะลา ประมาณกว่า 30 คน ซึ่งมีการเตรียมการ มาตรการในดูแลนักศึกษากลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง Covid-19 มีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นว่ามีโอกาสเสี่ยงหรือไม่ ถ้ามีโอกาสติดเชื้อ ก็จะทำการตรวจ และ ถ้ามีผลเป็นบวกหรือยืนยัน ก็ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ถ้าไม่พบการติดเชื้อก็จะเข้าศูนย์สังเกตอาการระดับอำเภอ เพื่อกักตัวเอง 14 วัน ตามภูมิลำเนาของนักศึกษาแต่ละคน เพื่อสังเกตอาการประมาณ 14 วัน ถ้าไม่มีอาการก็สามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้ “จากการ ประเมินเบื้องต้น ก็เป็นห่วง ไม่รู้ว่าติดเชื้อมาหรือไม่ การติดเชื้อสามารถแพร่ได้ก่อนมีอาการ จึงขอความร่วมมือนักศึกษาทุกคน หากกลับไปบ้านมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะนำเชื้อไปติดคนในครอบครัว โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ ที่มีอาการโรคประจำตัว อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง เราต้องสร้างวินัยในกลุ่มที่มาจากพื้นที่เสี่ยง ประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดสำหรับยะลา มีการตั้งเป้าเดือนเมษายน และพฤษภาคม หากทุกคนมีวินัย ช่วยกัน ทิศทางต่างๆของมาตรการที่จังหวัดยะลา คาดการไว้ น่าจะดีขึ้น” นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าว