กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังที่ประชุม กอป.มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ พักชำระหนี้ 1 ปีรับผลกระทบ COVID-19 หรือสถานการณ์ภัยแล้ง เริ่ม 10 เม.ย.63 นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ(กปอ.)เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสถานการณ์ภัยแล้ง ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจของ SME รวมทั้งที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 สงครามเศรษฐกิจ หรือภาวะภัยแล้ง ซึ่งในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.และวันที่ 24 มี.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งมาตรการด้านการเงิน ภาษี การชดเชยรายได้และการเสริมความรู้ ทั้งนี้ในส่วนของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ ซึ่งมีผู้ได้รับสินเชื่อกว่าหมื่นรายนั้นพบว่า มีธุรกิจที่ได้รับการระบาดของ COVID-19 หรือภัยแล้ง จำนวนกว่า 5,600 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป บริการ ค้าปลีก และท่องเที่ยว คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ จึงได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับสินเชื่อกลุ่มดังกล่าว โดยให้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โดย SME ที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อกองทุนฯที่ยังไม่ด้อยคุณภาพ(Non NPL) หรือไม่อยู่ในระหว่างที่ถูกกองทุนดำเนินคดีก่อนวันที่ 29 ก.พ.63 สามารถยื่นความประสงค์ เข้าร่วมมาตรการด้วยความสมัครใจที่ธนาคารพัฒนาวิสากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศได้ทุกสาขาทั่วประเทศในเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.-30 มิ.ย.63 โดยต้องแสดงความประสงค์การขอพักชำระหนี้เงินต้น และยืนยันผลกระทบพร้อมระบุเหตุผลที่เกิดขึ้น พร้อมกับระบุประเด็นที่ประสงค์จะขอรับการส่งเสริม อาทิ ด้านการตลาด การเงิน และการผลิต เพื่อประกอบการพิจารณาและให้ความช่วยเหลือต่อไป “มาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยเหลือบรรเทาภาระการชำระหนี้ของ SME ที่เป็นลูกหนี้กองทุนแล้ว ยังเป็นการเสริมสภาพคล่อง และลดแนวโน้มการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)อีกด้วย ทั้งนี้คณะกรรมการกองทุนจะประเมินผลการใช้มาตรการดังกล่าวใน 2 เดือนข้างหน้า”