วันที่ 29 มี.ค.63 นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร กสศ. ครั้งที่ 3/2563 ได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ให้สามารถดำเนินภารกิจช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายใน สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างทันท่วงที โดยจะเร่งเบิกจ่ายเงินอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษจำนวน 711,536 คน ครอบคลุมสถานศึกษาจำนวน 27,805 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่เปิดเทอม 1/2563 นอกจากนี้ยังอนุมัติปรับโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและกว้างขวางขึ้น โดยจะช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายเด็ก เยาวชน นอกระบบการศึกษาจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คน ให้ได้รับการฝึกอาชีพหรือเตรียมส่งกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยเหลือเด็กปฐมวัยในครอบครัวยากจนหรือด้อยโอกาสให้เข้ารับบริการในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนไม่น้อยกว่า 40,000 คน โดยมีการปรับอัตราเงินช่วยเหลือเด็กปฐมวัยให้ใกล้เคียงกับทุนเสมอภาคอีกด้วย ซึ่งเด็กเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงทั้งในด้านสุขภาพและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ครอบครัวของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างรายวัน คาดการณ์ว่าหากสถานการณ์โรคโควิด-19 รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดการสูญเสียรายได้เป็นเวลานานจะมีแนวโน้มออกจากระบบการศึกษาเพิ่มมากขึ้นในช่วงเปิดเทอมที่จะถึงนี้ และในปีการศึกษา 2563 กสศ. ได้ขยายความช่วยเหลือการจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนต้นทั่วประเทศในสังกัด สพฐ. อปท. และ ตชด. โดยเฉพาะนักเรียนเข้าใหม่ ป.1 ม.1 และกลุ่มใหม่ในแต่ละระดับชั้นที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อไม่ให้มีเด็กและเยาวชนคนใดตกหล่น ด้าน ศ.สมพงษ์ จิตระดับ ที่ปรึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า เบื้องต้น กสศ. จะร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาสังคม มูลนิธิต่างๆ ที่ดูแลเด็กกลุ่มนี้อยู่ เพื่อเร่งดำเนินการในสองส่วน คือ มาตรการระยะสั้น สำรวจแนวโน้มของผลกระทบเพื่อช่วยเหลือเร่งด่วนและ มาตรการระยะฟื้นฟู เพื่อเตรียมการรองรับการเปิดเทอม ที่เด็กกลุ่มนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากค่าเทอม ราว 3,000-5,000 บาทต่อคน ซึ่งจะมีเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นในปีการศึกษาหน้านี้ และอาจมีความเสี่ยงไม่ได้กลับมาเรียนหนังสืออีก ในส่วนนี้ถือว่าเป็นงานสำคัญของ กสศ. ที่จะต้องเป็นสื่อกลางในการประสานทุกฝ่ายเพื่อหาทางช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลังท่ามกลางวิกฤติครั้งนี้