28 มี.ค.63 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย รอง ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1.บก.ป. พ.ต.ต.ปรัชญ์ แม้นเดช สว.กก.1.ฯ ปฏิบัติราชการ สว.กก.สสน.บก.ป., ร.ต.อ.สุขสิทธิ์ ประเสิรฐ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.ท.จิรวัฒน์ ปลดเปลื้อง รรท.รอง สว.(สอบสวน) กก.4ฯ ปฏิบัติราชการ รอง สว.กก.สสน. บก.ป., รรวมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นำโดย ร.ต.อ.นพดล วิสุทธิกิจ รอง สว.สส.สภ.ท่งุสง, ด.ต.สุภณ อนงค์ และ ด.ต.ศุภชัย บัวทอง ผบ.หมู่ สส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันจับกุม นายธีระวุฒิ สุขสวัสดิ์อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงทุ่งสงที่ จ.42/2559 ลงวันที่ 21 เมษายน 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563ได้มีกลุ่มผู้เสียหายแจ้งข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊คกองปราบปราม ว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2563 ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทย มีผู้เสียหายจำนวนหลายรายถูกผู้ต้องหาหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยและน้ำยาล้างมือทางออนไลน์ โดยพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหานั้น ผู้ต้องหาจะสร้างเฟสบุ๊คปลอมขึ้นมา และโพสต์ข้อความหลอกขายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ โดยผู้ต้องหาจะใช้ภาพถ่ายบัตรประชาชน และบัญชีธนาคารมาแสดงตัวตน ซึ่งภาพถ่ายบัตรประชาชน และบัญชีธนาคารดังกล่าว ผู้ต้องหาได้มาจากเหยื่อที่สนใจจะมาทำงานชำระค่าสินค้า หรือค่าบริการต่างๆ ตามที่ผู้ต้องหาได้โพสต์หลอกไว้ก่อนหน้านี้ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ หลงเชื่อ ยอมตกลงซื้อสินค้ากับผู้ต้องหา เมื่อผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าหรือค่ามัดจำเข้าไปยังบัญชีของเหยื่อที่ผู้ต้องหาเตรียมไว้ ผู้ต้องหาจะตัดการติดต่อกับผู้เสียหายทันที และจะสั่งให้เหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี รับโอนเงินไปซื้อบัตรเติมเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ที่ร้านสะดวกซื้อ หรือ ซื้อบัตรเงินสดภายในแอพพลิเคชั่นกระเป๋าสตางค์ดิจิตอล แล้วถ่ายรูปใบเสร็จเติมเงินส่งให้กับผู้ต้องหาอีกทอดหนึ่ง และหากบัญชีกระเป๋าสตางค์ดิจิตอลถูกระงับ ผู้ต้องหาจะใช้บัญชีใหม่ที่เตรียมไว้ให้ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาได้ทรัพย์สินจากการหลอกลวงในครั้งนี้ไปมากกว่า 200,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.ป. จึงได้บูรณาการกำลังดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาเป็นตัวการในการหลอกขายหน้ากากอนามัยและน้ำยาล้างมือออนไลน์ เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหามีหมายจับของศาลแขวงทุ่งสงที่ จ.42/2559 ลงวันที่ 21 เมษายน 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และมีประวัติการการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน หลายครั้ง ในหลายท้องที่ทั่วประเทศ โดยพบว่าหลังพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้กระทำความผิดลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำการจับกุมตามหมายจับ ได้ที่บริเวณตลาดบ้านโป่ง ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ กองบังคับการปราบปราม ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบถึงวิธีการในการกระทำความผิดของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้เพื่อระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากกลุ่มมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์การกระทำความผิด ลักษณะนี้อันเป็นการซ้ำเติมประชาชนในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 แพร่ระบาด และกองบังคับการปราบปราม ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทำการตรวจสอบความถูกต้องก่อนทำการซื้อขายของออนไลน์ให้มากที่สุดเท่าที่ จะกระทำได้ เช่น การเปรียบเทียบราคาซื้อขายกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ และตรวจสอบข้อมูลของผ้ขูาย ก่อนทำการโอนเงิน เพราะคนร้ายอาจมีประวัติการกระทำความผิดในลักษณะนี้มาก่อนเหมือนเช่นในคดีนี้