สสส.ปรับทัพภาคีเครือข่ายร่วมฝ่าวิกฤติโควิด-19 พร้อมเสริมทัพภาครัฐ-สธ.เติมเต็มช่องว่างสู้ไวรัสมรณะ เน้นงานชุมชน-แรงงานนอกระบบ ตอกย้ำขับเคลื่อน 5 คำแนะนำ WHO หยุดแะร่ระบาด เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทางสสส.ได้ปรับแผนการทำงานของสสส.และภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ ให้ความสำคัญกับการปรับแนวการทำงานให้มุ่งเน้นการป้องกัน และแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ต้องเป็นแผนการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ และเติมเต็มช่องว่างที่มีอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อต่อยอดสุขภาวะของตำบลกว่า 2,600 ตำบลให้เป็นต้นแบบ โดจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโรคระบาดระดับตำบล เพื่อรับปัญหาการแพร่ระบาดที่เริ่มกระจายตัวจากกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่สู่ตำบล ชนบท รวมถึงกลุ่มแรงงานนอกระบบให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทั้งองค์ความรู้ การป้องกันตนเอง และการเฝ้าระวังโรค โดยเชื่อมประสานการทำงานกับหน่วยงานสุขภาพในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และอสม. ทั่วประเทศ เพื่อร่วมพลังคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างเร็วที่สุด ดร.สุปรีดา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาแถลงข่าวให้คำแนะนำ 5 ด้านสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันการติดโควิด-19 ได้แก่ 1.รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีสารอาหารครบถ้วน เพราะจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ 2.ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มรสหวาน 3.ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของการติดโควิด-19 ในระดับที่อันตรายรุนแรง 4.ออกกำลังกายโดยแนะนำให้มีกิจกรรมทางกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีสำหรับผู้ใหญ่ และวันละ 1 ชั่วโมงสำหรับเด็ก เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ โดยรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากบุคคลอื่นๆหรือทำกิจกรรมภายในบ้าน 5.ดูแลสุขภาพจิต อ่านหนังสือ ฟังเพลง ลดการดูข่าว เพื่อลดความเครียด สับสน หรือหวาดกลัว "ข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก ชี้ถึงพื้นฐานที่สุดสำหรับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอยู่ที่การสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานที่ สสส. ดำเนินการมาโดยตลอด เพื่อสร้างเสริมสุขภาพของคนไทยให้แข็งแรง ปลอดจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ โดยเฉพาะการลดคนสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย และการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งนอกจากจะลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวานแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดเชื้ออีกด้วย และแนวโน้มสถานการณ์ปัญหาสุขภาพเหล่านี้ของคนไทยถือดีว่าขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคนไทยสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแรกในรอบ 8 ปีที่คนไทยมีกิจกรรมทางกายมากที่สุดร้อยละ 74.6 "ผู้จัดการสสส.กล่าว