พิจิตรรักษาพื้นที่ปลอดเชื้อโควิด19 มาได้จนถึงวันนี้ ล่าสุดต้องหวาดเสียว ผู้ว่าฯเร่งลงพื้นที่ หลังได้รับรายงานชาวบ้านจัดงานบวชนาคมีเพื่อนบ้านนับร้อยคนจากบ้านวังตะโก ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ที่สัมผัสเพื่อนบ้านที่กลับจากต่างประเทศ แล้วล้มป่วยโควิด19 มาร่วมงาน ผู้ว่าฯพิจิตร เกรงเชื้อแพร่กระจาย สั่งเร่งสืบสวนโรค แยกกักผู้สัมผัสผู้ป่วย 3 ราย เฝ้าระวังสังเกตอาการผู้สัมผัสผู้ป่วย 21 ราย พร้อมทั้งสั่งปิดเฝ้าระวังทั้งหมู่บ้านแล้ว วันที่ 27 มี.ค. 2563 จากสถานการณ์โรคไวรัสโควิด 19 ที่กำลังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่รอบจังหวัดพิจิตร แต่ จังหวัดพิจิตรยังสามารถรักษาพื้นที่ให้ปลอดเชื้อ ให้ปลอดภัย เอาไว้ได้ แต่ล่าสุดเกิดสถานการณ์ที่ทำให้ต้องหวาดเสียว โดยเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย ปลัดจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเดินทางไปที่บ้านวังปลากราย หมู่ 6 ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง จ.พิจิตร เพื่อสอบสวนโรค เนื่องจากได้รับรายงานจากอำเภอบึงนาราง ว่า ราษฎรในพื้นที่มีความตื่นตระหนกและหวาดผวาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีข้อมูลว่า พบผู้ต้องสงสัยป่วยติดเชื้อ 19 ราย ในเขตพื้นที่หมู่ 9 บ้านวังตะโก ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับบ้านวังปลากราย หมู่ 6 ต.ห้วยแก้ว เมื่อลงพื้นที่จึงได้รับข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 มีหญิงเป็นชาวหมู่ 9 บ้านวังตะโก ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เดินทางกลับมาจากประเทศออสเตรเลีย แล้วมีอาการป่วยด้วยอาการไข้ หอบ เหนื่อย ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2563 หญิงผู้ที่กลับมาจากประเทศออสเตรเลียคนนี้ ได้ไปขอเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.สต. ตำบลหนองตางู ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 อาการไม่ดีขึ้น จึงส่งต่อไปรักษาที่ รพ.บรรพตพิสัย ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2563 ได้รับผลตรวจว่าหญิงคนดังกล่าวนี้ มีผลเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่วนสาเหตุที่มาเกี่ยวข้องกับราษฎรของจังหวัดพิจิตร ทั้งนี้ก็สืบเนื่องจากหญิงคนดังกล่าว หลังจากกลับมาบ้านก็ได้พบปะผู้คนที่เป็นเพื่อนและญาติพี่น้องมีการสัมผัสคนในบ้านรวมถึงน้าสาว ที่ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง มีผู้ร่วมอาชีพอีก 2 คน ที่เป็นคนพื้นที่หมู่ 8 บ้านวังตะโกก ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง จ.พิจิตร และไปสัมผัสกับคนอื่นๆอีก 11 คน ต่อมาวันที่ 18 มีนาคม 2563 ณ วัดโป่งวัวแดง หมู่ 4 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร จัดให้มีงานบวชนาคตามประเพณี กลุ่มบุคคลผู้สัมผัสผู้ป่วยผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยจำนวน 134 คน โดยเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 6 หมู่ 5 ต.ห้วยแก้ว พื้นที่หมู่ 9 ต.บึงนาราง พื้นที่หมู่ 4 ต.แหลมรัง และพื้นที่หมู่ 5 ต.ท้ายน้ำ ที่เป็นแขกรับเชิญมาร่วมงานงานบวชนาคในครั้งนี้ด้วย จึงต้องเป็นผู้ที่ต้องตามหาตัวมาเพื่อตรวจร่างกายและกักบริเวณ 14 วัน นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลของคนในพื่อนที่หมู่ 6 ต.ห้วยแก้ว จำนวน 6 คน ที่ไปพบปะกับเพื่อนอีก 4 คน ที่เป็นชาวหมู่ 9 ต.หนองตางู ที่ไปเจอเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ จำนวน 1 คน รวมถึงเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยต้องสงสัยกลุ่มนี้ก็ไปมีกิจกรรมสังสรรค์กับเพื่อนอีก 1 กลุ่ม ในหมู่ 5 บ้านวัดพร้าว ต.ห้วยแก้ว จำนวนผู้สังสรรค์ 10 คน ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางเฝ้าระวังในกลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วย สงสัยใน 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ป่วยสงสัย , กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยสงสัยในกิจกรรมทางศาสนา , กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยสงสัยในกิจกรรมสังสรรค์และกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยสงสัยที่จัดกิจกรรมสังสรรค์ในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องเป็นผู้ถูกเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2563 โดยชุมชมที่นำโดย นายธวัชชัย อะมูลราช กำนันตำบลห้วยแก้ว , สาธารณสุขอำเภอ ล สาธารณสุขตำบล และ อสม. รวมถึงฝ่ายปกครองและตำรวจ ได้มีมติจะปฏิบัติการปิดหมู่บ้านของตำบลห้วยแก้วดำเนินการปิดพื้นที่เข้า – ออก ทั้ง 3 ทาง ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2563 โดยอนุญาตเฉพาะคนนอกพื้นที่ ที่ต้องเข้าไปทำงานในพื้นที่ เช่น ทำสวน / ทำไร่ พื้นที่หมู่ 6 ต.ห้วยแก้ว ต้องแจ้งชื่อ แสดงความต้องการเดินทางเข้า – ออก หมู่บ้านต่อผู้ใหญ่บ้านและห้ามพบปะญาติที่อยู่ในพื้นที่ ให้ชาวบ้านในพื้นที่เฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเอง 14 วัน หากพบอาการผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ห้วยแก้ว ส่วนมาตรการพื้นที่หมู่ 8 บ้านวังตะโกก ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง ได้มีการแยกกักผู้สัมผัสกับผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ป่วย สงสัยจำนวน 2 คน พร้อมเฝ้าระวังสังเกตอาการผู้สัมผัสร่วมบ้านดังกล่าวอีก 15 คน , ส่วนที่พื้นที่หมู่ 5 บ้านวัดพร้าว ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง แยกกักผู้สัมผัสกับผู้ป่วยสงสัยที่มีกิจกรรมสังสรรค์ด้วยกันจำนวน 1 คน และเฝ้าสังเกตอาการผู้สัมผัสกับผู้สัมผัสผู้ป่วยสงสัยในกิจกรรมสังสรรค์ จำนวน 10 คน ด้วยแล้วเช่นกัน แต่โดยสรุปขณะนี้สถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ของจังหวัดพิจิตร อยู่ในระดับการใช้มาตรการอย่างเข้มข้น ตั้งด่านตรวจ สอบสวนโรคอย่างละเอียด แต่ยังไม่มีผลหรือมีข้อมูลว่าพบผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด โดยในช่วงนี้ขอให้ประชาชนหากไม่มีความจำเป็นขอให้งดออกจากบ้าน งดการพบปะสังสรรค์ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันโรคไวรัสโควิด19 ได้ด้วยเช่นกัน