GPSC ปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 39.5 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ตรายได้พลังงานทดแทนตามยุทธศาสต์ นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค.63 บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (Global Renewable Power Co., Ltd. หรือ GRP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GPSC ได้บรรลุความสำเร็จการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในสัดส่วน 100% ใน 4 บริษัทได้แก่ บริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จำกัด,บริษัท เวิลด์ เอ็กซ์เชนจ์ เอเชีย จำกัด, บริษัท พี.พี.โซล่า จำกัด และ บริษัท เทอร์ร่าฟอร์ม โกลบอล โอเปอเรติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้พัฒนาโซลาร์ฟาร์มรวมกัน 9 โครงการ กำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 39.5 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 9 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดประกอบด้วย ลพบุรี สุพรรณบุรี พิจิตร และขอนแก่น ปัจจุบันสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยมีสัญญาซื้อขายไฟเป็นระยะเวลา 25 ปี จนถึงปี 2582-2583 โดยแบ่งเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า หรือ Adder ในอัตรา 8 บาทต่อหน่วย (สำหรับช่วง 10 ปีแรกของสัญญา) ในสัดส่วน 3.6 เมกะวัตต์ และ สัญญาในรูปแบบ Feed-in Tariff หรือ FiT อัตรา 5.66 บาทต่อหน่วย ในสัดส่วน 35.9 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าทั้งหมดมีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2557-2558 “หลังจากประสบความสำเร็จในการทำรายการในครั้งนี้ จะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เต็มงวดตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานในด้านของการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า และการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างเสถียรภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือก” สำหรับแผนการพัฒนากำลังการผลิตใหม่ในปี 2563-2566 บริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4 โครงการประกอบด้วย โครงการส่วนต่อขยายของบริษัทผลิตไฟฟ้านวนคร จำกัด (NNEG Expansion) โครงการบริหารจัดการขยะครบวงจร Rayong Waste to Energy (WTE) โครงการเอนเนอยี รีคอฟเวอรี่ ยูนิต (ERU) และโครงการ SPP Replacement ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) ซึ่งขณะนี้ทุกโครงการมีความคืบหน้าในการพัฒนาตามแผน และมั่นใจว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้