ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ ยุคที่สถานีโทรทัศน์ในเมืองไทยยังมีไม่กี่แห่ง มักมีรายการดนตรีถูกสั่งเข้ามาฉายเสมอ หนึ่งในนั้นเป็นรายการชื่อ The River Show มีวงดนตรี เดอะ เฟิร์สต์ เอดิชั่น เป็นเจ้าภาพเชิญแขกมาร่วมร้อง แต่รายการนั้นก็ถูกนำมาออกอากาศเพียงระยะสั้นๆ และน้อยคนจะรู้ว่า นักร้องนำและมือกีตาร์ของวง คือ เคนนี่ โรเจอร์ส ซึ่งต่อมากลายเป็นศิลปินเดี่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2020 เคนนี่ โรเจอร์ส ก็จากโลกนี้ไปในวัย 81 ปี 6 เดือน หลังจากที่ต่อสู้กับปัญหาด้านสุขภาพมาระยะหนึ่ง เขาเสียชีวิตที่บ้านในแซนดี้ สปริงส์, จอร์เจีย แม้ โรเจอร์ส จะถูกจัดเป็นศิลปินคันทรี่ แต่ความนิยมของเขาไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มผู้ฟังคันทรีเท่านั้น เขามีเพลงมากกว่า 120 เพลงที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ฟังดนตรีทุกแนว กลายเป็นหนึ่งในศิลปิน “ข้ามเขต” ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล แต่เมื่อมองย้อนหลังก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะ โรเจอร์ส เป็นนักดนตรีและนักร้องที่ผ่านการเล่นดนตรีมาอย่างครอบคลุมเกือบทุกประเภท หลังจากจบมัธยมปลาย โรเจอร์ส ก็มุ่งหน้าเอาจริงบนเส้นทางดนตรี ในปี 1957 เขาออกซิงเกิลป๊อปในฐานะศิลปินเดี่ยว "That Crazy Feeling" ได้รับความนิยมเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าไปอยู่วงแจ๊ซชื่อ บ็อบบี้ ดอยล์ ธรี ออกอัลบั้มกับ โคลัมเบีย เรคอร์ดส์ ก่อนจะยุบวงในปี 1965 ในปี1966 ออกซิงเกิ้ลเดี่ยว "Here's That Rainy Day" ในแนวแจ๊ซ-ร็อก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ทำงานเป็นนักแต่งเพลง, นักดนตรีรับจ้างในห้องบันทึกเสียง และโปรดิวเซอร์ ก่อนจะเข้าร่วมกับ เดอะ นิว คริสตี้ มินสเตรลส์ วงโฟล์คชื่อดังของยุคนั้น ในตำแหน่งนักร้องและดับเบิลเบสส์ ในปีเดียวกัน แต่เมื่อโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในวงกว้างมีไม่มาก โรเจอร์ส จึงแยกตัวออกมาก่อตั้งวงร็อค เดอะ เฟิร์สต์ เอดิชั่น ในปี 1967 มีเพลงฮิทแรกของวงในแนวไซคีเดลิค-ร็อคอย่างที่นิยมกันในยุคนั้น "Just Dropped In (To See What Condition My Condition Was In)" \ ต่อมา หลังจากปรับทิศทางของวงเป็นคันทรี-ร็อค เดอะ เฟิร์สต์ เอดิชั่น ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้น มีเพลงฮิทหลายเพลง เช่น "But You Know I Love You", "Ruby, Don't Take Your Love to Town", "Tell It All, Brother", "Reuben James" และ "Something's Burning" เดอะ เฟิร์สต์ เอดิชั่น ตัดสินใจยุบวง โรเจอร์ส กลายเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว เขาพัฒนาดนตรีให้อยู่กลางๆ ทำให้ได้แฟนทั้งป๊อปและคันทรี นับจากนั้น โรเจอร์ส ก็ก้าวขึ้นสู่สถานะของซูเปอร์สตาร์ มีเพลงติดอันดับท็อป 40 มากกว่า 60 เพลง รวมถึงเพลงอันดับ 1 คือ "Lady" และ "Islands in the Stream" โรเจอร์ส เปิดกว้างทางดนตรีของเขา พร้อมจะเข้าร่วมงานกับศิลปินทุกแนวที่เห็นว่าเข้ากันได้ ทั้งคันทรีอย่างการร้องคู่กับ ด็อตตี้ เวสต์ และ ดอลลี่ พาร์ตัน, ร่วมงานกับศิลปินดังสายป๊อป อย่าง เดอะ บี จีส์ และ ชีน่า อีสตัน หรือการทำงานร่วมกับศิลปินโซล/ป๊อป ไลโอเนล ริชี่ แม้ในทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา โรเจอร์ส ออกผลงานอัลบั้มน้อยลง แต่ทุกครั้งที่ออกก็ยังได้การตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลง และเขายังมีทัวร์คอนเสิร์ทที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ จนกระทั่งในปี 2015 เขาประกาศอำลาเวทีด้วยทัวร์สุดท้ายชื่อ Gambler's Last Deal เป็นการทัวร์ใหญ่ทั่วโลกที่กำหนดระยะเวลาไว้ 3 ปีกว่า รวมถึงคอนเสิร์ทที่เมืองไทย ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของเขา คอนเสิร์ทสุดท้ายของเขาเป็นการแสดงที่ บริดจ์สโตน อารีน่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2017 ซึ่งมีศิลปินดังมาเป็นแขกรับเชิญหลายสิบชีวิต จากนั้นก็ยกเลิกตารางทัวร์ที่ยังเหลืออยู่ตามคำแนะนำของแพทย์ โรเจอร์ส มีกฎส่วนตัวของเขาว่า เพลงที่เขาจะบันทึกเสียงจะแบ่งเป็น 2 แนวเนื้อหา คือ เพลงรักในแง่มุมที่งดงาม และเพลงชีวิตที่มีความหมายต่อสังคม เพลงประเภทหลังก็ประสบความสำเร็จหลายเพลงเช่นกัน โดยเฉพาะ “The Gambler” และ “Coward of the County” จึงไม่แปลกอะไรที่ตลอดอายุขัย เขาจะมีผลงานบันทึกเสียงถึง 65 อัลบั้ม และยอดขายรวมมากกว่า 1,967 ล้านชุด!