จนถึงขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ที่ระบาดลุกลามไปทั่วทุกซอก ทุกมุมของทุกประเทศ ก็ยังไม่มีท่าทีทุเลาเบาลงแต่อย่างใด ซ้ำร้าย กลับลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรป ซึ่งประเทศยักษ์ใหญ่อย่างอิตาลี เยอรมนี สเปน และอังกฤษ ต่างตกอยู่ในช่วงวิกฤติได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยล่าสุด พบว่าผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะทะลุกว่า 4.7 แสนคนไปแล้ว และที่ “ขัดใจแฟนบอล” ที่สุดคงไม่พ้น แฟนๆ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ส่งแรงใจ แรงเชียร์ พร้อมวาดฝัน การชูถ้วยพรีเมียร์ลีกรอบ 30 ปี ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว หลังทีมรักร่ายเพลงเตะ อย่างสะเด่า ทำแต้มทิ้งรองจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตีแบบไม่เห็นฝุ่น 25 แต้ม แม้จะแข่งมากกว่าอยู่ 1 แมตช์ก็ตาม ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ถือเป็นเชื้อร้ายกระทบไปทั่วทุกประเทศ โดยศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในตอนแรกมีการประกาศ เลื่อนการแข่งขันจนถึงวันที่ 3 เมษายน ก่อนลงความเห็นให้มีการเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 เมษายนเป็นอย่างน้อย ล่าสุด Telegraph รายงานว่า ทางพรีเมียร์ลีก ได้วางแผนที่จะกลับมาเริ่มทำการแข่งขันในวันที่ 1 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม และหวังให้จบในระยะเวลา 6 สัปดาห์นี้ เพื่อให้มีระยะเวลาพักก่อนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ โดยนัดที่เหลือของฤดูกาลนี้ด้วยการแข่งแบบสนามปิด ซึ่งจากการกำหนดเวลาเตะแบบคร่าวๆ ตรงนี้เอง ที่ฝ่ายสนับสนุนให้ “โมฆะ” และอาจจะเป็นวิธีเดียว และดีที่สุด ต่อการแก้ปัญหาอันแสนยุ่งเหยิง และวุ่นวาย เพราะไม่เช่นนั้น มันอาจจะต้องกระทบเงื่อนเวลาของซีซั่นหน้า เป็น “งูกินหาง”อย่างไม่มีจุดสิ้นสุดนั่นเอง จึงสู้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ได้ และหากสถานการณ์เป็นเฉกเช่นนี้ ทีมที่เจ็บปวดที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น “จ่าฝูง” ลิเวอร์พูลอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี การยกเลิกการแข่งขันอาจจะเกิดขึ้นได้ และยังไม่มีแนวทางที่แน่นอน มารองรับว่าจะเอาอย่างไรกับทีม จ่าฝูงของทุกลีก รวมทั้ง “ลิเวอร์พูล” เองที่รอแชมป์นี้ มานานถึง 30 ปี ซึ่งมันคงดูโหดร้ายกับทีมของ “เยอร์เกน คล็อปป์” มากๆ ถ้าพวกเขาไม่ได้ชูถ้วยแชมป์ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าจะมี การตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร แน่นอนว่าหลายสโมสร ไม่อยากให้ฤดูกาลปิดฉากในสถานการณ์แบบนี้ เพราะมันมีความ ซับซ้อนและปัญหาที่จะตามมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะต้องเบรกไปอีกนานขนาดไหน และจะกลับมาเตะได้เมื่อไร นักเตะจะต้องซ้อมถึงตอนไหน เพราะมันไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน โดย “กูรู” ลูกหนังแต่ละสำนักต่างออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการแข่งขันฤดูกาลนี้ไป แล้วรีสตาร์ตแข่งขันกันใหม่ในฤดูกาลหน้า ไม่มีทีมเลื่อนชั้น- ตกชั้นหรือการใช้อันดับล่าสุดก่อนที่จะเลื่อนหรือยุติการแข่งขันตัดสินทีมเลื่อนชั้น-ตกชั้น หรือ ไม่ก็เอาทีมที่มีผลได้ผลเสียมาเตะเพลย์ออฟตัดสินกันไป เพราะตอนนี้เหลือเวลาเพียง 6 สัปดาห์จะถึงกำหนดปิดฤดูกาลแล้ว ยังไม่นับรวมโปรแกรมเอฟเอคัพ หรือฟุตบอลยุโรปด้วยซ้ำ แน่นอนว่าถ้ากลับมาเตะกันอีกครั้ง โปรแกรมของทุกทีมจะแน่นมาก อย่างไรก็ตาม ทางพรีเมียร์ลีก ได้เริ่มวางแนวทางเรื่องนี้ไว้แล้วโดยหากกลับมาเตะต่อไม่ได้จะตัดสินให้ “ลิเวอร์พูล” ได้แชมป์ไปครอง ซึ่งสโมสรลีกสูงสุดเกือบทั้งหมดก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ส่วนทีมตกชั้น ที่แต้มยังสูสีกันทีมอันดับ 15-20 ห่างกันเพียง 8 แต้มกับ 9 เกมที่ยังเหลือ ทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะเสนอให้ซีซั่นนี้ยกเลิกการตกชั้น ส่วนทีมที่เลื่อนชั้นจาก เดอะ แชมเปียนชิพ ขึ้นมาจะเหลือเพียง 2 ทีมคือแชมป์กับรองแชมป์ ต่างจากปกติที่จะมีโควตาให้ทีมที่ชนะในรอบเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นด้วย หากยึดตามแผนนี้ในซีซั่น 2020-21 จะมีทีมลงเล่น พรีเมียร์ลีก 22 ทีมทำให้ต้องมีทีมตกชั้น 5 ทีมเพื่อนที่จะกลับมาเหลือ 20 ทีมในซีซั่นถัดไปอีกทั้งจะมีการยกเลิกถ้วย คาราบาว คัพ ในฤดูกาลหน้าเพื่อที่จะได้วางโปรแกรมพรีเมียร์ลีกได้ลงตัวไม่เตะถี่จนเกินไป ขณะที่โควตายูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นั้นทางฝ่ายจัดการแข่งขันจะให้ 4 ทีมที่ได้สิทธิ์เล่น แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้คือ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี, เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้สิทธิ์เล่นในซีซั่นหน้าต่อไปแม้ว่าปัจจุบัน สเปอร์ส จะอยู่อันดับ 8 ก็ตาม ขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งซีซั่นนี้ยึดอันดับ 3 จะได้สิทธิ์เล่นแชมเปียนส์ ลีก รอบคัดเลือก หลังจากมีกระแสข่าวว่าจะมีการเพิ่มทีมที่ได้เล่นรอบคัดเลือกในซีซั่นหน้า ทั้งนี้แนวคิดนี้ยังเป็นเพียงเกิดจากทางฝ่ายจัดการแข่งขันซึ่งต้องได้รับการเห็นชอบจากสมาชิกในลีกและสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ก่อนจึงจะประกาศใช้ได้ ขณะที่ สื่อดังอีกฉบับ รายงานว่า ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น มีการแจ้งว่า ถ้าเกิดสุดท้ายซีซั่นนี้เตะกันไม่จบจริงๆ มันก็จะทำให้รายได้ด้านลิขสิทธิ์หายไปถึง 762 ล้านปอนด์ โดยมาจากการละเมิดสัญญาด้านลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ ยกตัวอย่างเช่น สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชื่อดังของอังกฤษที่จะเสียเงินไปบานเบอะจากการที่ไม่ได้ถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันตามที่วางแผนเอาไว้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว จะทำให้บางสโมสรอยากให้ฤดูกาลนี้ แข่งจบให้ได้ ต่อให้จะเป็นการเล่นแบบที่ไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามก็ตาม เพราะเงินจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดถือเป็นเงินก้อนที่สำคัญมากๆ ของพวกเขาในการเอาไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น ค่าเหนื่อยของนักเตะที่สูงลิบ เป็นต้น และพวกเขาก็กลัวว่าถ้าไม่ได้เงินก้อนนี้มันก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้ อย่างไรก็ตาม มันก็มีทีมอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าการเล่นแบบปิดสนามมันไม่สามารถเป็นจริงได้ และบรรดานักเตะก็อาจจะปฏิเสธที่จะเล่นถ้าหากกังวลถึงสุขภาพของตัวเอง หรือในกรณีที่คนใกล้ๆ ตัวพวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ สุดท้ายแล้ว!!! ไม่ว่า “แนวคิด” หรือรูปแบบโปรแกรมจะออกมารูปแบบไหน ทีมที่ต้องลุ้นแบบนั่งไม่ติดเบาะ และหนีไม่พ้นคือ “หงส์แดง” ที่ใจจดใจจ่อกับการได้ชูถ้วย หรือไม่ได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกที่สุด และมั่นใจได้เลยว่า “เดอะค็อป” ทั่วโลกคงภาวนาให้ “เชื้อไวรัสโควิด-19” ระเหยไปกับสายลมเร็วๆ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็น “ก้างขวางคอ” ให้กับทีมไปอีกยาวนาน.....!!!