ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยย้ำการตั้งด่านสกัด”โควิด”ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อคัดกรอง ผู้เดินทางเข้าจังหวัดอาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกบ้าง วันนี้ (26 มีนาคม 2563) เวลา 13.30 น. นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธาน ในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสุโขทัย และคณะอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดสุโขทัย ณ ห้องประชุมศรีสัชนาลัย ชั้น 5 ศากลางจังหวัดสุโขทัย โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ได้นำเสนอสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของสุโขทัย มีผู้ป่วยยืนยัน 3 ราย กลุ่มเฝ้าระวังทั้งหมด 1,251 ราย ครบ 14 วัน 189 ราย ยังไม่ครบ 14 วัน 1,062 ราย กลุ่มเสี่ยงสัมผัส ทั้งหมด 109 ราย ครบ 14 วัน 17 ราย ยังไม่ครบ 92 ราย และมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสุโขทัย เห็นชอบให้ออกประกาศจังหวัดสุโขทัย เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับที่ 4 คือประกาศปิดสนามแข่งขัน สนามเด็กเล่น และ โต๊ะสนุกเกอร์ พร้อมทั้งการติดป้ายคัทเอาท์ ประชาสัมพันธ์รณรงค์ป้องกัน CoVid 19 และการตั้งด่านสกัด”โควิด”ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่อำเภอคีรีมาศและกงไกรลาศ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยได้กล่าวว่าตามที่รัฐบาลได้ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉินฯในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 26 มี.ค.63 – 30 เม.ย.63 ขอให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ได้ดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยพิจารณากำหนดจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาด ตามถนนเส้นทางคมนาคม สถานีขนส่ง รวมทั้งป้องกันเหตุ อาชญากรรม การรวมกลุ่มมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ หรือการฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน การปฏิบัติงานนั้นจะมีอุปกรณ์ป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ เวชภัณฑ์ป้องกัน เมื่อประชาชนผ่านด่านตรวจเจ้าหน้าที่จะชี้แจงวัตถุประสงค์ พร้อมสร้างการรับรู้ จากนั้นจะทำการตรวจสอบตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลบุคคลและการเดินทาง พร้อมทั้งจะมีเอกสารแนะนำในการระวังป้องกันตัว โดยถือเอาความปลอดภัยจากเชื้อโรคและประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อช่วยกันนำพาประเทศชาติผ่านพ้นช่วงวิกฤตให้ได้ในเร็ววัน โดยขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่ในพื้นที่ หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามรอยต่อจังหวัด หรือสถานที่มีประชากรหนาแน่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19