เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายภักดี จันทร์เกษ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.63) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 4 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี บุรีรัมย์ สตูล ตรัง รวมถึงบริเวณพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ด้านแผนการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันที่ 26 มีนาคม 2563 ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยออกประกาศเขตพื้นที่ภัยแล้ง มีจำนวน 23 จังหวัด 139 อำเภอ 714 ตำบล 3 เทศบาล 6,065 หมู่บ้าน/ชุมชน บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของปริมาณน้ำใช้การ เป็นอ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ จำนวน 22 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 178 แห่ง สำหรับจุดความร้อนหรือจุดที่มีการเผาไหม้ (Hotspot) จากดาวเทียม ระบบ MODIS วันที่ 25 มีนาคม 2563 ในประเทศไทย พบว่ามีจำนวน 70 จุด กระจายอยู่บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ภาคเหนือ มีค่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงมีเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลางบางพื้นที่ สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเกณฑ์คุณภาพอากาศดีถึงปานกลาง และพื้นที่ภาคกลางมีเกณฑ์คุณภาพอากาศดีถึงปานกลาง ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเกณฑ์คุณภาพอากาศดีมากถึงดี ด้านแผนที่ปริมาณน้ำฝนสะสม 1 สัปดาห์ (19-25 มี.ค. 63) พบว่า บริเวณพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้บางส่วน มีปริมาณน้ำฝนสะสมอยู่ในระดับ 10-50 มิลลิเมตร สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการตรวจอากาศของสถานีเรดาร์ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ สถานีเรดาร์พิมาย จ.นครราชสีมา และสถานีเรดาร์บ้านผือ จ.อุดรธานี พบว่า มีความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับการเกิดเมฆ 89% (ราษีไศล) 88% (พิมาย) 78% (บ้านผือ) ความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับการพัฒนาตัวของเมฆ 90% (ราษีไศล) 63% (พิมาย) 63% (บ้านผือ) ค่าดัชนีการยกตัวของอากาศ -0.2 (ราษีไศล) -1.8 (พิมาย) -1.0 (บ้านผือ) และความเร็วลม ที่ระดับการเกิดเมฆ 9 กม./ชม. (ราษีไศล) 11 กม./ชม. (พิมาย) 24 กม./ชม. (บ้านผือ) หน่วยปฏิบัติการฯ จ.อุดรธานี จึงวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.อุดรธานี กาฬสินธุ์ สกลนคร และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนน้ำอูน เขื่อนน้ำพุง จ.สกลนคร ด้านหน่วยปฏิบัติการฯ จ.บุรีรัมย์ วางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำ จ.นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ด้านหน่วยปฏิบัติการฯ จ.อุบลราชธานี วางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ และพื้นที่ภาคใต้ ผลการตรวจวัดอากาศของสถานีเรดาร์พนม จ.สุราษฏร์ธานี สถานีเรดาร์ปะทิว จ.ชุมพร และสถานีเรดาร์หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบว่ามีความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับการเกิดเมฆ 64% (พนม) 46% (ปะทิว) 31% (หัวหิน) ความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับการพัฒนาตัวของเมฆ 65% (พนม) 36% (ปะทิว) 22% (หัวหิน) ค่าดัชนีการยกตัวของอากาศ 0.4 (พนม) -1.8 (ปะทิว) 3.3 (หัวหิน) และความเร็วลมที่ระดับการเกิดเมฆ 4 กม./ชม. (พนม) 10 กม./ชม. (ปะทิว) 11 กม./ชม. (หัวหิน) หน่วยปฏิบัติการฯ จ.สุราษฏร์ธานี จึงวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช พื้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความเค็มทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก พบว่า สภาพอากาศยังไม่เข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ดังกล่าว จึงขอติดตามสภาพอากาศระหว่างวัน หากมีการเปลี่ยนแปลงและเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการฝนหลวง จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อไปทันที ทั้งนี้ เกษตรกร และพี่น้องประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ทางเพจ Facebook, Line, Instagram, Twitter และเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร