โฆษกกรมศุลฯแจงกมธ.ป.ป.ช. สภาฯปมกักตุนหน้ากาก รับตรวจสอบไม่ทั่วถึง โยนผู้ส่งออกบางรายสำแดงสินค้าอื่นรวมหน้ากาก ด้านปปง.ชี้"บอย"ไม่พบข้อมูลเส้นทางการเงิน ระบุต้องรอศาลสั่ง วันที่ 25 มี.ค.ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้พิจารณาเรื่องการส่งออกนำเข้าและการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยนายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากรและโฆษกกรมศุลกากร ได้ชี้แจง ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าไม่มีกรรมาธิการในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมาร่วมประชุมแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายค้าน ทั้งนี้ กมธ.ได้สอบถามถึงภาพรวมของการส่งออกและการนำเข้าหน้ากากอนามัยตั้งแต่เดือนม.ค.-มี.ค.ว่ามีจำนวนเท่าใด โดยนายชัยยุทธ ชี้แจงว่า การส่งออกในเดือนม.ค.มีจำนวน 158 ตัน เดือนก.พ.มีจำนวน 187 ตัน ซึ่งจากสถิติการส่งออกจะเป็นตัวเลขที่มาจากผู้ส่งออกยื่นพิกัดสินค้าที่ไม่ใช่หน้ากากอนามัยให้ไปอยู่ในหมวดหน้ากากอนามัย ซึ่งการส่งออกในเดือนก.พ.แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนควบคุมตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-4 ก.พ.มีการส่งออกจำนวน 135 ตัน หรือประมาณ 72% ของการส่งออก ช่วงที่สองซึ่งเป็นช่วงควบคุมการส่งออกตั้งแต่วันที่ 5-20 ก.พ. ส่งออกจำนวน 12.7ตัน ส่วนช่วงที่สามตั้งแต่ 21 -29 ก.พ.ส่งออกจำนวน 38 ตัน โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้สอบถามว่าทำไมช่วงวันที่ 1-4 ก.พ.ก่อนการควบคุมหน้ากากอนามัย นายชัยยุทธ ชี้แจงว่า การส่งออกและการสำแดงสินค้าเราไม่ทราบว่ามีมากน้อยแค่ไหนและไม่สามารถถ่ายรูปรายละเอียดสินค้าได้ทั้งหมด เนื่องจากเราดูจากใบอนุญาต ตัวเลขและมูลค่าที่คลาดเคลื่อนนั้นอาจมาจากบริษัทส่งออกสำแดงสินค้าไม่ใช่หน้ากากอนามัย แต่เอาไปรวมอยู่ในหน้ากากอนามัย และหลังจากวันที่ 4 ก.พ.กรมศุลกากรได้เข้มงวดการส่งออก แต่อาจมีผู้ส่งออกบางรายมีพฤติกรรมไม่สุจริตด้วยการสำแดงชื่อสินค้าเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้เราไม่สามารถตรวจสอบตู้ส่งออกได้ทุกตู้ เพราะการส่งออกแต่ละปีมากกว่า 3 ล้านใบขนสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์มีมากกว่าพันตู้ต่อวัน เราไม่สามารถสกรีนได้ทุกตู้เพื่อไม่ให้กระทบการส่งออก แต่ใช้วิธีการตรวจสอบแบบการกำหนดความเสี่ยง นอกจากนี้ นายธีรัจชัย สอบถามอีกว่าเมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย แต่กลับมีข่าวออกมาว่าวันที่ 16 มี.ค.มีผู้ประกอบการรายหนึ่งเร่งรัดการส่งออกที่ท่ากาศยานสุวรรณภูมิ เหมือนกับเป็นการรู้ล่วงหน้าก่อนจริงหรือไม่ โดยนายชัยยุทธ ชี้แจงว่า ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะห้ามส่งออกตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.แล้ว ดัาน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ สอบถามว่า เหตุใดกรมศุลกากรถึงได้แถลงข่าวเรื่องตัวเลขการส่งออกหน้ากากอนามัยที่คลาดเคลื่อนและมีการแก้ไขตัวเลขต่อสื่อมวลชนภายในหลัง จึงทำให้เกิดความสงสัยมีแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่อย่างไร โฆษกกรมศุลกากร ยืนยันว่า การแถลงข่าวมีผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัย เป็นการชี้แจงแถลงไปตามข้อมูลที่ได้รับมา อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขที่มีความคลาดเคลื่อน เพราะมีการตรวจสอบพบว่ามีการรวมบางพิกัดที่ไม่ใช่หน้ากากอนามัยเข้าไป จึงจำเป็นต้องออกหนังสือแก้ไขไปยังสื่อมวลชน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจ "ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันมาจากฝ่ายการเมือง เพราะเราต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงเท่านั้น หากมีแรงกดดันจริง เราคงพยายามทำตัวเลขให้น้อยกว่านี้ และที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่แถลงข้อเท็จจริงตรงไปตรงมา จึงยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันกรมศุลกากร" นายชัยยุทธ กล่าว จากนั้นตัวแทนสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยนายเทพสุ บวรโชติดารา ผู้อำนวยการกองข่าวกรองทางการเงิน และ นายวรเศรษฐ์ สุรพนานนท์ชัย ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์ข่าวกรองทางการเงิน ได้ชี้แจงภาพรวมของการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง และส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แล้วและยังไม่มีตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่คณะกรรมการธุรกรรมทางการเงินของป.ป.ง.สามารถเข้าไปตรวจสอบเชิงลึกได้ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ป.ป.ง.มีแรงกดดันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้อาจมีการทราบเป็นการภายในว่าเรื่องนี้อาจผู้มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้องจึงทำให้เกรงว่าอาจมีการแทรกแซงทางการเมือง โดยตัวแทนป.ป.ง.ยืนยันว่าการตรวจสอบเน้นความถูกต้องเท่านั้น โดยผูัมีอำนาจกำกับดูแลป.ป.ง.มีสองส่วน คือ คณะกรรมการป.ป.ง.และคณะกรรมการธรุกรรม โดยในส่วนของคณะกรรมการธุรกรรมมีผู้แทนศาลปกครอง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมทำหน้าที่นี้ ซึ่งเป็นหลักประกันในการทำงานอยู่แล้ว ขณะที่ คณะกรรมการป.ป.ง.จะมีปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงต่างประเทศ เข้าร่วมเป็นกรรมการ โดยมีพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นประธานกรรมการป.ป.ง. ส่วนเรื่องนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือบอย นั้นตรวจจากฐานข้อมูลพบว่าไม่พบข้อมูล ซึ่งอาจจะยังไม่เข้าเกณฑ์ตามกฎหมายป.ป.ง. อย่างไรก็ตาม การจะตรวจสอบเส้นทางการเงินจะต้องมีคำสั่งศาลด้วย