พาณิชย์ดีเดย์ 24 มี.ค.นี้ปล่อยคาราวานรถโมบายธงฟ้า 200 คัน ออกให้บริการประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ในช่วงอยู่บ้าน และยังขยายไปต่างจังหวัดอีก 300 คัน และตั้งวอร์รูมพาณิชย์จังหวัดเพื่อติดตามโควิด-19 แบบรายวัน พร้อมนัดถก กรอ.พาณิชย์เพื่อประเมินทิศทางส่งออก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณามาตรการและแนวทางการดูแลประชาชนด้านสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงการมีมาตรการเข้มข้น เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.63 เป็นต้นไป กรมการค้าภายในจะจัดส่งรถโมบายธงฟ้าจำนวนเบื้องต้นประมาณ 200 คัน นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพราคาประหยัด ออกไปจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่พักอยู่ที่บ้าน รวมถึงให้พิจารณาจัดรถโมบายธงฟ้าในต่างจังหวัดอีกไม่น้อยกว่า 300 คันที่จะปล่อยไปให้บริการในต่างจังหวัดเพิ่มเติม และจะพิจารณาแนวทางการช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะนำไปจำหน่ายเช่น ข้าวสารบรรจุถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และเจลล้างมือ เป็นต้น โดยรถโมบายธงฟ้าจะตะเวนไปยังจุดสำคัญๆ เช่น แหล่งชุมชน หมู่บ้าน เป็นต้น และในระยะต่อไปจะมีการพิจารณาเพิ่มรายการสินค้าให้มีมากขึ้น รวมทั้งให้มีการประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มจำนวนรถโมบายเพิ่มขึ้นและกระทรวงพาณิชย์ยังได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค 2 คณะ เพื่อดูแลสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภค การป้องกันการกักตุน การป้องกันการฉวยโอกาส การปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกซ้ำเติมในสถานการณ์ขณะนี้ และต้องได้รับความเป็นธรรมในการบริโภคสินค้า โดยในวันที่ 25 มี.ค.63 จะนัดประชุมคณะกรรมการร่วมร่วมภาครัฐและเอกชน กระทรวงพาณิชย์หรือ กรอ.พาณิชย์ ร่วมกับผู้แทนภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต การกระจายสินค้าทั้งในประเทศและส่งออก และการกำหนดแนวทางดำเนินการร่วมกันในระยะต่อไป ทั้งนี้การกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าสู่ห้างค้าปลีกค้าส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืดหยุ่นกฎระเบียบด้านการขนส่ง เพื่อให้สามารถลำเลียงสินค้าจากโกดังไปยังสถานที่จำหน่ายปลีกได้เร็วขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล,เร่งส่งเสริมการจัดส่งสินค้าถึงบ้านแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งปัจจุบันห้างและร้านสะดวกซื้อเช่น แม็คโคร เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี และเซเว่น อีเลฟเว่น มีการจัดส่งอยู่แล้ว,การจัดส่งของผู้ให้บริการอาหาร เช่น แกร๊บฟู้ด ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า เก็ท และลาลามูฟ ซึ่งจะสนับสนุนให้มีการดำเนินการต่อไป และยังได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้าไปช่วยดูแลร้านค้าปลีกรายย่อย(โชวห่วย) ให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน เพื่อรองรับมาตรการที่อาจจะมีเข้มข้นขึ้นในระดับจังหวัดกันต่อไป