พาณิชย์ปรับการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย เน้นบุคลากรทางการแพทย์-กลุ่มเสี่ยง พร้อมงดขายหน้ากากอนามัยในร้านค้าธงฟ้า-ช่องทางค้าปลีกปกติ แนะประชาชนใช้หน้ากากทางเลือก นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.)เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น และให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ โดยหน้ากากอนามัยที่ขณะนี้ผลิตได้ทั้งหมด 2.2 ล้านชิ้นนั้น ส่วนใหญ่จะจัดสรรให้กับกระทวงสาธารณสุขเป็นหลัก เพื่อให้นำไปจัดสรรต่อให้กับโรงพยาบาลทุกแห่งของทุกสังกัดทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่ถูกกักตัว 14 วันให้มีใช้อย่างเพียงพอมากที่สุด ซึ่งจากการหารือกับกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า เมื่อการระบาดเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้น่าจะเพิ่มจากขณะนี้อีก 30-50% ของจำนวนหน้ากากอนามัยที่ศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย จัดสรรให้วันละ 1.3 ล้านชิ้น โดยขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น จึงต้องปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยใหม่ทั้งหมด โดยมุ่งเน้นไปที่โรงพยาบาล แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงเป็นหลัก ส่วนประชาชนทั่วไป สามารถใช้หน้ากากอนามัยทางเลือก และหน้ากากอนามัยผ้า นายสุชาติ สินรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งถึงพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเรื่องการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น สาระสำคัญคือให้พาณิชย์จังหวัดตรวจสอบและติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัยอย่างใกล้ชิดหลังมีคำสั่งตามมติคณะอนุกรรมการศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยเมื่อ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาให้ยกเลิกการจัดสรรสินค้าหน้ากากอนามัยผ่านช่องทางร้านค้าธงฟ้าฯ และการกระจายผ่านร้านสะดวกซื้อ(7-11) และห้างสรรพสินค้าเช่น เทสโก้โลตัส,แม็คโคร,BIG C,วิลล่ามาร์เก็ต,TOPs,เดอะมอลกรุ๊ป และโฮมโปร โดยจะมีการจัดสรรหน้ากากอนามัยรอบการส่งสุดท้ายวันที่ 16 มี.ค.63 โดยได้ให้พาณิชย์จังหวัดออกตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวันโดยดำเนินการตรวจสอบผู้ประกอบการ ร้านขายยา/ร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้า ติดตามภาวะราคา ปริมาณการจำหน่ายของหน้ากากอนามัย รวมถึงการชี้แจงสร้างความเข้าใจในการปฎิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อให้มีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน ตรวจสอบการขายเกินราคาควบคุม และป้องกันปราบปรามการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าแพงเกินสมควร หรือทำการกักตุนสินค้าหน้ากากอนามัย ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าหน้ากากอนามัยมี 2 ประเภทคือหน้ากากอนามัยทั่วไป และหน้ากากทางการแพทย์ ดังนั้นหน้ากากทางการแพทย์ควรส่งให้บุคลากรทางการแพทย์ได้มีใช้อย่างเพียงพอ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถใช้หน้ากากทางเลือก ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างเข้มงวดไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปต้องปรับการทำงานให้เหมาะสมหวังว่าประชาชนจะเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างดี นอกจากนี้ในคำสั่งดังกล่าวได้สั่งให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์การจำหน่ายและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าและแหล่งจำหน่ายสินค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หากมีสถานการณ์ผิดปกติเช่น พบการกักตุนสินค้า สินค้าเริ่มขาดตลาด มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้แจ้งกระทรวงพาณิชย์ทราบทันที