แพทย์เตือนผู้ติดสุราขั้นรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ ระวังหักดิบกระทันหันร่างกายปรับสภาพไม่ทัน ยันหยุดดื่ม3เดือนเข้าพรรษาส่งผลดีต่อสุขภาพแน่นอน วันที่ 24 ก.ค.59 พญ.พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้จัดการแผนงานการพัฒนาระบบการดูแลผู้มีปัญหาการดื่มสุรา(ผรส.) และนักจิตแพทย์ กรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีข่าวชายวัย 60 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ตัดสินใจหักดิบเพื่อเลิกเหล้าเข้าพรรษา จนเกิดอาการช็อกเสียชีวิต ว่า จากข่าวที่ปรากฎการเสียชีวิตยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามาจากสาเหตุการหยุดดื่มสุรา แต่อาจเกิดจากโรคแทรกซ้อนทางกายและปัญหาสุขภาพอื่นๆ บวกกับสภาพแวดล้อมการดูแลตัวเองด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบผู้มีปัญหาจากการดื่มสุราในไทย 1.8 ล้านราย ในจำนวนนี้ หากต้องการหยุดดื่มสามารถทำได้โดยไม่มีผลกระทบอะไร ขณะที่จำนวนผู้ติดสุรามีกว่า 9 แสนราย และต่ำกว่า50%หากหยุดดื่มถึงจะมีอาการขาดสุราและในจำนวนนี้มีเพียง2%เท่านั้นที่จะมีอาการขาดสุราในขั้นรุนแรง เช่น คนที่ดื่ม10แก้วต่อวัน ดื่มสุราขาวครึ่งขวดต่อวัน หรือดื่มได้ต่อเนื่องไม่รู้สึกมึนเมา พญ.พันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ “อาการของผู้ที่ติดสุรา หากเข้ารับการบำบัด ช่วง 3-5 วันแรกอาการจะหนัก แต่เมื่อได้รับยาเพื่อทดแทนการขาดสุรา ยาคลายเครียดและวิตามินบีซึ่งแพทย์จะลดปริมาณลงเรื่อยๆ ประมาณ 6-7 วันจะดีขึ้น ส่วนผู้ที่ดื่มสุราที่มีอาการลงแดงที่รุนแรง จะเกิดขึ้นภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากหยุดหรือลดปริมาณการดื่ม ถือเป็นอาการฉุกเฉินที่ต้องไปพบแพทย์ทันที เพราะร่างกายปรับสภาพไม่ทัน มีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต อาการที่พบคือ จะหูแว่ว หลงผิด เกิดอาการชัก สับสนเพ้อคลั่ง สูญเสียความทรงจำระยะสั้น ประสาทหลอนคิดว่าจะมีใครมาทำร้าย อาจรุนแรงถึงขั้นทำร้ายตัวเองและคนอื่นได้ ซึ่งแพทย์ควรตรวจหาโรคที่เกิดจากสุรา เช่น โรคตับ และโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการหยุดดื่มสุราทั้งช่วงเข้าพรรษา หรืองดดื่มทุกเทศกาลเป็นผลดีต่อสุขภาพ และการพบแพทย์เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด ซึ่งช่วงเข้าพรรษาทุกๆปีจะมีคนเริ่มเข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้น จึงขอให้ผู้ที่จะงดดื่มเอาชนะใจตัวเอง ครอบครัวควรส่งเสริมให้กำลังใจเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีปัญหาจากการดื่มสุราสามารถปรึกษา สายด่วน กรมสุขภาพจิต 1413 หรือโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ” พญ.พันธุ์นภา กล่าว