สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) โพสต์บทความของน.พ.คำนวน อึ้งชูศักดิ์ มีเนื้อหาระบุว่า... เรียนท่านอาจารย์ทุกท่านและท่านรัฐมนตรี ผมเพิ่งประชุมทางไกลกับองค์การอนามัยโลกมาเมื่อคืน เขาเชิญ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี มาเล่าประสบการณ์หลังผ่านวิกฤตืโคโรน่า โดยสรุป ทั้งสี่แห่งใช้มาตรการสายกลาง คือไปหยุดที่ข้อสองไม่ไปถึงสาม 1. การค้นหาผู้ป่วยและแยกรักษา ติดตามกลุ่มเสี่ยงสูงที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพื่อแยกดูอาการ มีการติดตามรายวัน เมื่อทำแล้วเห็นว่าไม่พอก็เพิ่มข้อสอง 2. Social distancing และงดการชุมนุมใหญ่ๆ หรือการร่วมตัวใหญ่ๆ ที่การสอบสวนพบว่ามีการระบาด สิงคโปร์ไม่ปิดโรงเรียนเพราะไม่พบมีการระบาด และมีความเห็นสอดคล้องว่าการปิดอาจทำให้เยาวชนไปเจอกันที่อื่น ให้ความรู้ความเข้าใจแบบพอดี หากกลัวมากมีปัญหา ที่เกาหลีมีคนฆ่าตัวตายเพราะสื่อประนามว่ากิจกรรมทางศาสนาที่คุณไปร่วมเป็นต้นเหต คุณไม่รีบผิดชอบต่อสังคม... แต่ภาคธุรกิจเกาหลีเข้ามาข่วยเทคโนโลยี่การตรวจการติดตาม ที่ญี่ปุ่นมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเฉพาะที่ฮอกไกโด เพื่อให้ใข้กลไกรัฐอย่างเต็มที่ ทั้งสี่แห่งกลับสู่ภาวะปกติแต่หากทำหนึ่งและสองแล้วยังคุมไม่ได้ก็จะเพิ่มข้อสาม 3) จำกัดการเดินทางให้ทุกคนอยู่ในบ้าน หยุดทุกกิจการ ห้ามการเดินทางออกนอกเขต ทั้งสี่แห่งไม่ต้องใข้ขั้นที่สามนี้ที่เรียกกันติดปากว่า lock down (ปิดเมือง ปิดประเทศ) แต่ประชาชนบางแห่งก็สมัครใจเองเพราะความกังวล จีนแผ่นดินใหญ่ใช้ขอสามเพราะมาถึงจุดที่เอาไม่อยู่จริงๆดังเช่นที่อู่ฮั่น องค์การอนามัยโลกกำลังประมวลและให้แต่ละประเทศเข้าใจและเลือกผสมผสานผมเคารพและเข้าใจเจตนาของอาจารย์หลายท่านที่คิดว่าเราต้องกระโดดไปสามเลย ท่านเหล่านี้เป็นคนที่มีส่วนสำคัญนำเราผ่านไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่และอีกหลายวิดฤตื ท่านเกรงว่าเราจะรับมือไม่ทัน นับเป็นความปราถนาที่ดีและน่ารับฟังคำถามสำคัญคือสถานการณ์ของเราใกล้เคียงจีนแผ่นดินใหญ่ อิตาลี หรือยุโรป หรือยัง ผมไม่มีโอกาสเห็นข้อมูลทั้งหมด ได้แต่ตืดตามและสอบถามน้องๆระบาดวิทยาที่กรม คร และจังหวัด คนเหล่านี้ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน คนเหล่านีเป็นมืออาชีพ ที่ไม่ยอมบิดข้อมูลเพื่อเอาใจใคร ถูกฝึกให้หควบคุมโรคระบาดโดยเฉพาะ ได้ทำ model ต่างๆ ทำนายว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากสดับตรับฟัง ผมขอสรุปโดยส่วนตัวว่า เรากำลังตรงกับระยะที่เริ่มการมี community spreading (เดิมอาจเรียกระยะสาม) เฉพาะบางที่ ไม่ใช่ที้งประเทศ จีงหวัดเหล่านี้เช่น กทม และ ปริมณฑล อาจมีอีกบางจังหวัดในภาคใต้ ลักษณะนี้จะใกล้เคียงกับตอนเริ่มต้นของเกาหลี สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น นีบว่าเราไวพอ เรายีงไม่ถึงขั้นจีนหรืออิตาลีหรือเสปน โดยสรุปผมคิดว่ามาตรการที่ประเทศไทยกำลังทำ มีเหตุมีผล มีขั้นตอน มีตัวอย่างอ้างอิง และจะกระทบกระเทือนสังคมมี่ยอมรับได้ หากเราทำแล้วไม่ได้ผลเหมือนเกาหลี ญึ่ปุ่น สิงคโปร์ เราก็สามารถขยัยไปขั้นสุดท้ายได้ ผมอยากให้รัฐสภาเชิญทุกพรรคการเมืองมาร่วมฝ่าวิกฤตืเหมือนไทยเจอสงคราม อยากให้รํฐบาลกางแผนให้ผู้นำศาสนา ผู้นำธุรกิจ ปราชญ์ชาวบ้าน ว่าเราจะเดินตามนี้นะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของท่านประยุทธ์หรือพรรคใดๆ เป็นเรื่องของคนไทย 68 ล้านคน เราจะได้มีพลังมากขึ้นกราบขออภัยหากผิดพลาดและขอขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านครับ