พบว่าการสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 เนื่องจากควันและละอองไอที่พ่นออกมานั้นมีสารคัดหลั่ง น้ำลาย เสมหะ และแบคทีเรีย ทำให้แพร่กระจายโดยง่าย หากพบเห็นการสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะดำเนินคดี มีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้ นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ (กคส.) กรมควบคุมโรค และพนักงานเจ้าหน้าที่ กคส. ลงพื้นที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีการร้องเรียนพบการละเมิดสูบบุหรี่ในพื้นที่วัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการลงพื้นที่ พบมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายสูบบุหรี่ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าหลายรายในพื้นที่วัดดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดทุกราย นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส กล่าวว่า การสูบบุหรี่หรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้า เมื่อมีการพ่นควัน หรือละอองไอของบุหรี่ออกมา เท่ากับเป็นการแพร่เชื้อใส่กัน เพราะว่าในควันและละอองไอที่พ่นออกมานั้น ประกอบด้วยสารคัดหลั่ง น้ำลาย เสมหะ และแบคทีเรีย ดังนั้น เมื่อพ่นออกมาควันหรือไอจะลอยเป็นระยะทางไกล ซึ่งทำให้แพร่กระจายได้โดยง่าย และหากผู้สูบบุหรี่คนดังกล่าวเป็นผู้มีเชื้อ โควิด-19 จะทำให้แพร่กระจายเชื้อไวรัส ดังกล่าวไปยังคนอื่นได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากพบเห็นผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามมาตรา 42 พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 กรณีมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในการปฏิบัติตามกฎหมาย สอบถามได้ที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค โทร. 02 590 3852