วันที่ 20 มี.ค.63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่มีการแชร์และส่งต่อข้อความ รูปภาพ ในลักษณะที่มีมิจฉาชีพแจกหน้ากากอนามัยฟรี แล้วป้ายยา ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย ในโซลเชียลมิเดียต่างๆ ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัว นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน จับกุม การนำเข้าและส่งต่อข้อมูล ในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ Fake News ซึ่งมีแพร่หลายในโซลเชียลมิเดีย ทำให้สังคมเกิดความสับสนและประชาชนเกิดความตื่นตระหนก จากการตรวจสอบเบื้องต้นกับหน่วยงานตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภ.กระทู้ จว.ภูเก็ต ที่ปรากฏในโซลเชียลมิเดีย ขณะนี้ยังไม่มีการรับแจ้งเหตุในลักษณะนี้แต่อย่างใด ซึ่งหากมีการก่อเหตุขึ้นจริง ขอให้ทางผู้เสียหายหรือผู้ที่มีข้อมูล มาแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังถือว่าเป็นการฉวยโอกาส ซ้ำเติมประชาชน ในช่วงที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) แต่หากเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ Fake News จะเข้าข่ายความผิดฐาน “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่าผู้ที่นำข้อความดังกล่าวมาเผยแพร่ในโซลเชียลมิเดียดังกล่าว ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความสันสนและหวาดกลัวนั้น มีจุดประสงค์อย่างไร หากตรวจพบการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือน หรือ Fake News ลงในระบบคอมพิวเตอร์ จะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้นั้นอย่างเด็ดขาด ประกอบกับ ผู้ที่เผยแพร่ ข้อความหรือบทความ ว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือเป็นข่าวปลอมนั้น ขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจสอบเสียก่อน ขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ในโซลเชียลมิเดีย อย่างถี่ถ้วน (อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์) ให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกหลอกลวง หรือ อาจไปสร้างความสับสน เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้อื่น ซึ่งมีความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560