ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรรคพลังประชาชน และอดีตส.ส.นครสวรรค์ พร้อมด้วย นางสาววัชรียา วัชรประยงค์วุฒิ หรือน้ำมนต์ (เดิมคือ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล อดีตโบร์คเกอร์ และคนสนิทของพ.ต.ท.บรรยิน และนางสาวกัญฐนา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตพริตตี้ และนางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ที่ได้รับโอนหุ้นจากนางสาวอุรชา เป็นจำเลยในความผิดฐาน ปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และ 268 จากกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ รวม300 ล้านบาท ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของพนักงานอัยการโจทก์ และจำเลย แล้วเห็นว่า เอกสารใบคำขอถอน/โอนหลักทรัพย์ทั้งสองบริษัทที่โอนหุ้นไปให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายชูวงษ์มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความ ทั้งการโอนไม่ได้เป็นไปตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและบริษัทหลักทรัพย์ทั้งสองตามที่เจ้าหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ เบิกความ ทั้งได้ความจากพยานบุคคล พยานเอกสาร และวัตถุพยานซึ่งเป็นบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดว่า จำเลยที่ 1 กับ จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเป็นพิเศษมากกว่านายชูวงษ์ ไม่มีเหตุที่นายชูวงษ์จะโอนหุ้นจำนวนมากให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 2 ไม่สามารถรับโอนหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นของตนเองได้ เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์ต้องให้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นมารดาเป็นผู้รับโอนแทน พิพากษาให้จำคุกนางสาวกัญฐณาหรือน้ำตาล ศิวาธนพล จำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี จำคุก นางสาวอุรชาหรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี สั่งจำคุก พันตำรวจโทบรรยิน ตั้งภากรณ์ กระทงละ 4 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 8 ปี และให้ยกฟ้องในส่วนจำเลยที่ 4