“ทหาร-ตำรวจ-เทศกิจ-จิตอาสา” ร่วมพลังทำความสะอาด-ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกัน“โควิด-19”แพร่ระบาดทั่วกทม. “ทำเนียบฯ”เข้มมาตรการรักษาความสะอาดป้องกันแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19หลัง“นายตำรวจ” ติดตาม“อุตตม” ติดไวรัสมรณะ “บิ๊กตู่”เปลี่ยนแผนเข้า“สธ.”เกาะติดสถานการณ์โควิด-19แทน พร้อมมอบอำนาจผู้ว่าฯ”ปิดพรมแดน” ขู่คุมไม่ได้ “ย้าย”ทันที ส่วน“กลาโหม-สธ.” ประชุมรับมือ“โควิด-19” จำลองสถานการณ์บนโต๊ะรับมือภาวะวิกฤติหนัก พร้อมปรับ“สนามบิน”ในกทม.เป็น“โรงพยาบาลสนาม” ขณะที่ “สธ.”แถลงยอดติดเชื้อ วันเดียวพุ่ง60ราย รวมยอด272 ราย ส่วน “25 ขรก.รัฐสภา” เสี่ยงติดเชื้อหลังฝึกอบรมรุ่นเดียวกับ “นายกอบจ.แปดริ้ว” ขณะที่“มักกะโรนี” สยองเหยื่อโควิด-19ดับพุ่งเป็นประวัติการณ์วันเดียวเกือบ 500 ศพ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19มี.ค.63ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองโรคระบาด กรมควบคุมโรคพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายในตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ และทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยง และ จัดระบบคัดกรองไข้โดยให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการสวมใส่หน้ากากทุกคนและยังจัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือในทุกจุดภายหลังพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม นายอุตตม เสาวนายน รมว.คลัง ติดเชื้อไวรัสโควิด-19และเข้ามาปฎิบัตภารกิจในทำเนียบฯ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เทศกิจ จิตอาสา ได้ร่วมกันทำความสะอาด พร้อมฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ในหลายพื้นที่ ทั่วกรุงเทพมหานคร ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ยกเลิกภารกิจในทำเนียบฯโดยเปลี่ยนแผนไปมอบนโยบายรวมถึงติดตามสถานการณ์ ที่กระทรวงสาธารณสุขแทน ส่วน ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวงลา 10.30 น. นายกฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจทีมแพทย์ที่ปฏิบัติการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขผู้เชี่ยวชาญ ด้านระบาดวิทยาผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ให้การต้อนรับ จากนั้นเวลา 13.00 น.นายกฯแถลงผลภายหลังการประชุมฯ ว่า สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้รัฐบาลได้ประกาศมาตร การไปแล้ว 6 มาตรการ ซึ่งเป็นการให้อำนาจกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯที่สามารถกำหนดมาตรการ เพิ่มเติมจากกรอบใหญ่ที่ให้ไป เช่น การปิดสถานที่ต่างๆและถ้าจะปิดในต่างจังหวัดก็ได้ ถ้าเป็นสถานที่ที่เข้าข่ายที่มีความเสี่ยง และอยากขอร้องไปยังข้าราชการระดับพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าฯ ต้องทำงานอย่างเด็ดขาด และต้องรายงานผลการปฏิบัติทุกมาตรการที่รัฐบาลออกไปแล้วให้ตนทราบทุกวัน เมื่อถามว่าเพื่อนบ้านประเทศไทยเริ่มประกาศปิดพรมแดน ในส่วนของไทยจะมีมาตรการดังกล่าวเพิ่มหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะปิดช่องทางพรมแดนหรือไม่อยู่ที่อำนาจผู้ว่าฯ แต่ถ้าผู้ว่าฯทำไม่ได้ ก็ย้าย จะยากตรงไหน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงโหม พร้อมด้วย นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รอง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นประธานการประชุม เพื่อฝึกร่วมจำลองสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับการพัฒ นาของสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข รวมถึง พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ ผู้บัญชาการ สำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์ พระบาทสม เด็จพระเจ้าอยู่หัว หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าร่วมประชุมประมาณ 200 คนอย่างพร้อมเพรียง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ขอให้ยึดมั่น และปฏิบัติตนตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมถึงข้อห้ามข้อบังคับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล และขอให้รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม จึงเชื่อว่าเราทุกคนจะผ่านพ้นวิฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน ในส่วนของทหาร มีความพร้อมเรื่องโรงพยาบาลทหาร และโรงพยาบาลสนามที่มีทุกจังหวัด นอกจากนี้สนามบินในกทม.ยังสามารถมาปรับพื้นที่ให้เป็นโรงพยาบาลสนามได้ด้วยเช่นกัน แต่ทุกอย่างต้องให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณา ขณะที่ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยข้อมูลระบุว่า “ด้วยสมมติฐาน ประ เทศไทยอยู่ในระยะที่คนติดเชื้อโควิด-19, 1 คน แพร่เชื้อให้คนรอบข้างได้ 1.6 คน ดังนั้นในช่วงเดือนเม.ย.63 ถึง มี.ค.64 จะมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทย 200,000 คน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะ ร่วมแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ว่า ในวันนี้ได้รับรายงานพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 60 ราย ทำให้จำนวนสะสมของผู้ป่วยโรคดังกล่าวมาอยู่ที่ 272 ราย ขณะที่ผู้ป่วย หายกลับบ้านได้แล้ว 42 ราย อยู่โรงพยาบาล 229 ราย อาการหนัก 3ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ป่วยใหม่ 60 รายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่ม 1 จากกลุ่มผู้ที่สัมผัสกลุ่มผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 43 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 12 ราย กลุ่มสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ย่านสวนหลวง สุขุมวิท รามคำแหง 14 ราย ซึ่งมีทั้ง ดีเจ พนักงานทำ ความสะอาด แคชเชียร์ คนที่มาเที่ยว รวมถึงแฟนของคนที่มาเที่ยว พ่อครัว พนักงานเสิร์ฟ และกลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 12 ราย และนอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่กลับจากพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 5 ราย นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 คือผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 17 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย (กลับจากประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย อิตาลี กัมพูชา ญี่ปุ่น เยอรมนี อิหร่าน ซึ่งบางรายมีการเดินทางมากกว่า 1ประเทศ) เป็นผู้สัมผัสชาวต่างชาติ 3 ราย โดยเป็นครูพี่เลี้ยง พนักงานเช็กอิน เพื่อนชาวต่างชาติเข้าพักที่คอนโดฯ ผู้ป่วยที่ทำงานในสถานที่แออัด เป็นเทรนเนอร์ในสถานที่ออกกำลังกาย 1 ราย และรอผลสอบสวนโรคเพิ่มเติม 4 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นผู้สื่อข่าว ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า น.ส.รุ่งนภา ขันธีโชติ ผู้อำนวยการสำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา พร้อม นางภัชรากร บุญรักษ์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา ได้ทำหนังสือถึง เลขาธิการสภาฯกรณีมีบุคลากรกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัส ว่า ตามที่สำนักพัฒนาบุคลากร สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้อนุมัติให้ข้าราชการ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ 14 คนและข้าราชการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 11 คน เข้าฝึกอบรมหลัก สูตรนักกฎหมายภาครัฐระดับชำนาญการขึ้นไป รุ่น 27 ที่โรงแรมเอส ดี อเวนิว กรุงเทพฯ และมีกระแสข่าวว่านายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกฯอบจ.ฉะเฉิงเทรา และนางสุรวดี เป้าเปี่ยมทรัพย์ ภรรยา ติดเชื้อโดยผู้อบรมได้พาญาติ และเจ้าหน้าที่หน้าห้องนายกิตติเข้ามาในสถานที่ฝึกอบรมด้วย อย่างไรก็ตาม ทาง สำนักงานบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา ได้ประสานไปยังผู้อำนวยการสำนักพัฒนาบุคลากร เพื่อประสานไปยังผู้เข้าฝึกอบรมทั้งหมดเข้ารับการคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ซักประวัติ เบื้องต้น พร้อมรับคำแนะนำปฏิบัติตนเองกับสำนักบริการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการคัดกรองเบื้องต้นและตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.จนพ้นระยะ 14 วัน ให้ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาฯทั้ง 14 คน งดสแกนนิ้ว และให้มาลงลายมือชื่อไป-กลับแทน ส่วนข้าราชการของวุฒิสภา 11 คน ได้เข้ามาคัดกรองบ้างแล้ว ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ในประเทศอิตาลี พบผู้ป่วยเสียชีวิตถึง 475 ราย ในวันเดียว ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 2,978 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ติดเชื้อมี 35, 713 ราย ทางด้าน ทางการเซอร์เบีย ได้ประกาศเคอร์ฟิว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กรุงเบลเกรด เมืองหลวงของประเทศ ตกอยู่ในสภาพเงียบเหงา เนื่องจากประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านพักได้ ส่วนทางการโปรตุเกส โดยประธานาธิบดี มาร์แซลู รึเบลู ดึ โซซา ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน อันส่งผลให้เพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศ ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด ได้ลุกลามไปแล้ว 176 ประเทศ ส่งผลให้มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อรวม219,365 ราย ผู้ป่วยเสียชีวิต 8,970 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหาย 85,749 ราย