วันที่ 19 มี.ค. 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเสียสัญชาติไทย ด้วยบุคคลผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น หรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ได้แสดงความจำนงขอสละสัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงไว้ถูกต้อง ย่อมสละสัญชาติไทยได้ ตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 อนุญาตให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยดังกล่าวสละสัญชาติไทยได้ ซึ่งมีผลให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทยโดยการสละสัญชาติไทย ตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 จำนวน 19 ราย แบ่งเป็นสัญชาติดังนี้ เกาหลีใต้, จีน (ไต้หวัน), บริติช, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย และออสเตรีย โปรดเกล้าฯ ให้ "พระฌอน ชิเวอร์ตัน ชยสาโร" แปลงสัญชาติไทยเป็นกรณีพิเศษ มุมข้าราชการ : วิสาหกิจเพื่อสังคม นายกฯ เสียใจ ให้กำลังใจครอบครัวชายไทยเสียชีวิต ป่วยไข้เลือดออก โควิด-19 (อ่านประกาศต้นฉบับ) ขณะที่ประกาศในเล่มเดียวกันยังมีกรณี คือ ด้วยบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งเกิดในขณะที่บิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าว และได้สัญชาติของบิดา หรือมารดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือมารดา มีความประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป ได้แสดงความจํานงขอสละสัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ย่อมสละสัญชาติไทยได้ ตามความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 14 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 อนุญาตให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยดังกล่าวสละสัญชาติไทยได้ ซึ่งมีผลให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทยโดยการสละสัญชาติไทย ตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 จำนวน 3 ราย ประกอบด้วยสัญชาติญี่ปุ่นและสิงคโปร์ คลิกฉบับเต็ม http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/D/017/T_0001.PDF