“กกพ.”ร่วมกับ 3 การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย กฟน.-กฟภ.-กิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ ดีเดย์ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศกว่า 23 ล้านราย ยื่นตรวจสอบสิทธิ์ และขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 25 มี.ค.นี้ ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์-แอปพลิเคชั่น-คอลเซ็นเตอร์ เน้นย้ำยื่นออนไลน์สะดวกสุด สามารถรับเงินผ่านทางระบบได้ต่อเนื่องทันที 31 มี.ค.63
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศหลักเกณฑ์คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่อง ”การคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก พ.ศ.2563” จะมีผลบังคับใช้พรุ่งนี้ (20 มี.ค.) ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ (กฟส.) จะต้องคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าวกว่า 23 ล้านรายทั่วประเทศ วงเงินกว่า 33,000 ล้านบาท
“ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องแจ้งความประสงค์ขอรับคืนและให้ผู้บริการไฟฟ้าคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.63 ซึ่งต้องคืนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่วางหลักประกันตามประเภทของขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และจะไม่มีการเรียกเก็บเงินหลักประกันการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหม่อีกต่อไป ยกเว้นกรณีเปลี่ยนประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าจากประเภทที่ 1 และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 2 ไปเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น”
โดย กกพ.และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้หารือและเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเปิดให้มีการตรวจสอบสิทธิ์และทยอยคืนเงินประกันได้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.เป็นต้นไป ในช่องทางออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยคาดว่าผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการยื่นผ่านระบบแอปพลิเคชั่นเป็นระบบที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
"กกพ.มีมติเห็นชอบและให้ออกประกาศหลักเกณฑ์เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายนำไปใช้เป็นแนวทางคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย และผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประกอบกิจการขนาดเล็กทุกราย ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเตรียมมาตรการในการรองรับ และอำนวยความสะดวกให้พี่ น้อง ประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากครอบคลุมประชาชนจำนวนมาก และเน้นให้เข้าถึงได้อย่างสะดวก ครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมกับได้มีการพัฒนาช่องทางเพิ่มเติมรองรับผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก"
นายประเทศ ศรีชมภู รองเลขาธิการ สำนักงาน กกพ.กล่าวว่า สำนักงานได้หารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเน้นการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นผู้วางเงินประกัน (ชื่อตรงกับบิลค่าไฟฟ้า) สามารถตรวจสอบสิทธิ์และรับเงินผ่านระบบที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจัดเตรียมไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63
“วันนี้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ของการแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่ง ครม.มีมติเมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 ให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงที่จะให้ประชาชนเดินทางและเข้าไปในสถานที่ที่แออัด คับแคบ ดังนั้นเพื่อความสะดวกปลอดภัยในช่วงแรกนี้ ขอให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง”
นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า สำหรับในช่องทางของ กฟภ.จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ เพื่อขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มให้ได้มากที่สุด
โดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนการขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าผ่านเว็บไซต์ https://dmsxupload.pea.co.th/cdp/ ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 เป็นต้นไป โดยกรอกชื่อ นามสกุล หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า หมายเลขบัตรประชาชน ให้ครบถ้วน และส่งเอกสารหลักฐานผ่านระบบและรอรับเงินตามช่องทางการคืนที่ระบุ ผ่าน Prompt Pay บัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือรับเงินสดที่สำนักงานการไฟฟ้าทั่วประเทศ
ทั้งนี้จะมี SMS ยืนยันผลการลงทะเบียน และแจ้งผลการคืนเงินให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเริ่มจ่ายเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 63 เป็นต้นไป นอกจากนี้ กฟภ.ยังได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อตอบข้อซักถามและข้อสงสัยให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวน 90 คู่สาย ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1129
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า กฟน.จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ เพื่อขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืน ด้วยการอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมทุกกลุ่มประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ในช่องทางที่หลากหลาย ประกอบด้วย ช่องทางที่ 1 ลงทะเบียนทางออนไลน์ (เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง) ประกอบด้วยช่องทางต่าง ๆ ดังนี้ แอพพลิเคชัน : MEA Smart Life,เว็ปไซต์ : www.mea.or.th,Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA ,Twitter : @mea_news,Line : @meathailand สแกน QR Code ในใบแจ้งค่าไฟฟ้า (ใบแจ้งค่าไฟฟ้าที่จดเลขอ่านตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 เป็นต้นไป)ทั้งนี้ผู้ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์จะได้รับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืนตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.63 เป็นต้นไป
ส่วนช่องทางที่ 2 ลงทะเบียนทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 02-256-3333 จำนวน 50 คู่สาย (ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.-29 พ.ค.63 เวลา 08.00 –15.30 น. ในวันทำการ)และช่องทางที่ 3 ลงทะเบียน ณ ที่ทำการของการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 จึงขอความร่วมมือเริ่มใช้ช่องทางนี้ได้ตั้งแต่เดือน พ.ค.63 เป็นต้นไป
โดยการลงทะเบียนทั้ง 3 ช่องทางดังกล่าว ผู้ขอคืนหลักประกันสามารถเลือกช่องทางการคืนเงินได้ 3 ช่องทางโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ดังนี้ ช่องทางที่ 1 บัญชีพร้อมเพย์ (Prompt Pay) เฉพาะที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้วางหลักประกัน,ช่องทางที่ 2 บัญชีธนาคารพาณิชย์ที่มีชื่อตรงกับผู้วางหลักประกันที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกสิกรไทย และช่องทางที่ 3 เคาน์เตอร์เซอร์วิสจำนวนเงินไม่เกิน 50,000 บาท

