ยะลา - ภายหลังจากประเทศมาเลเซียปิดประเทศทำให้ บรรยากาศในเชตเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลาเป็นไปด้วยความเงียบเหงา นักท่องเที่ยวลดน้อยลง แตกต่างจากช่วงปกติที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านทั้งวันทั้งคืนเพราะเมืองเบตงอาศัยชาวต่างชาติโดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ ในการเข้ามาท่องเที่ยว ผลกระทบแทบไม่ต่างกับเมืองชายแดนทั่วไปที่ เงียบเหงาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะที่เสี่ยงเจ๊ง และอนาคตเสี่ยงล้ม หากสถานการ์ยังไม่ดีขึ้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 มี.ค.63 ภายหลังจากประเทศมาเลเซียปิดประเทศทำให้ บรรยากาศในเชตเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลาเป็นไปด้วยความเงียบเหงา นักท่องเที่ยวลดน้อยลง แตกต่างจากช่วงปกติที่จะมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านกันตลอดแทบทั้งวันทั้งคืนเพราะเมืองเบตง ต้องอาศัยชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่ภายหลังมาเลเซียปิดประเทศทำให้ "เงียบมาก คนเดินน้อย ส่วนใหญ่เป็นคนไทยในพื้นที่ คนจีนมาเลย์ สิงคโปร์ ไม่มีเลยหายหมด" นางวัลลภา ทองคำ เจ้าของร้านอาหารคนไทโต้รุ่งเบตง บอก นางวัลลภา ยังบอก อีกว่า รายได้ลดลงมาก จากเดิมที่เคยขายได้หลักหมื่น ถึงสามหมื่นบาท ต่อคืน พอมาช่วงนี้เพียงวันละ 200-300 บาทก็ยังยาก และบางวันขายไม่ได้เลยก็มี ยอมรับว่า ตลอด ระยะเวลาหลาย ปีที่ขายอยู่ตรงนี้ เพิ่งเจอหนักสุดก็เคสการแพร่ระบาดของเชื้อ ‘โควิด-19’ นี้ล่ะ ขนาดว่าไปซื้อของมาขายเหมือนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งร้านตนอยู่ในแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านทั้งไทยและต่างชาติก็ยังไม่มีคนเลย ต้องปรับตัวด้วยการไม่รับสินค้าเพิ่ม ขายเท่าที่มี หากยังคงเป็นแบบนี้อีกคงต้องปิดร้านชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หากเปิดต่อไปค่าเช่าที่ ค่าลูกน้อง และที่ซื้อของมาลงทุนทุกวัน คงไม่ไหว นี่ไม่ใช่เพียงร้านเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ เชื้อ‘โควิด-19’ หลายๆ ร้านในเมืองเบตงก็เป็นเหมือนกันหมด บางร้านถึงกับขีดเส้นตาย หากทางการมาเลเซียเปิดแล้วแต่ สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็จะไม่ขายต่อแล้ว เพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ยอมรับไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นางวัลลภา ทองคำ เจ้าของร้านอาหารคนไทโต้รุ่งเบตง บอก แต่จากการสังเกตในย่านการค้า ก็เหมือนที่แม่ค้าบอก คือ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ลดลงไปมากจริงๆ เท่าที่เห็นก็มีนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ยังพอมาเดินเที่ยวกันบ้าง โดยปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ เดินกันขวักไขว่ ไหล่ แต่เวลานี้ ต้องบอกว่าเงียบเหงามากจริงๆ แม้แต่ร้านรถเข็นขายผลไม้ยังยอมรับว่า นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเดิมมาก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่อำเภอเบตงส่วนใหญ่เป็นคนจีนชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ แต่ช่วงนี้มีน้อยมาก และแทบไม่มีเลย ที่เห็นชาวมาเลเซีย ก็คงเป็นคนที่มีครอบครัวอยู่ที่เบตง บรรยากาศเงียบเหงาตลอดวัน ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กๆ ที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตินักท่องเที่ยวหดหายเพราะผลพ่วงจากการแพร่ระบาดของเชื้อ ‘โควิด-19’ ทำให้รายได้หลักของพ่อค้าแม่ค้า เมืองเบตงที่มาจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ต้องหดหายไป จากที่เคยมีคนนั่งเต็มร้าน บางร้านถึงกับต้องต่อแถวรอคิว แต่เวลานี้ กลับมีลูกค้าลดน้อยลงมาก ซึ่งภาพรวมธุรกิจในเมืองเบตงหลังประเทศมาเลเซียปิดประเทศ พบว่า สัดส่วนลูกค้าลดลงถึง 80% และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อหายไปจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์เข้ามาไทยลดลง แน่นอนว่าต้อง ส่งผลกระทบกับรายได้จากการท่องเที่ยว และคงลามเป็นห่วงโซ่ กระทบต่อการจ้างงานที่มีผลต่อรายได้ โดยธุรกิจหลักๆ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงคงหนีไม่พ้น โรงแรม, โฮสต์เทล, สันทนาการและความบันเทิง เพราะเมืองเบตงต้องอาศัยนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะอำเภอเบตง เป็นเมืองติดชายแดนมาเลเซีย รายได้หลักจึงมาจากการท่องเที่ยว มีเสียงสัมภาษณ์ นางวัลลภา ทองคำ เจ้าของร้านอาหารคนไทโต้รุ่งเบตง (อยู่ท้ายเฟรมภาพ) ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา