ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองสมุนไพร และทุกวันนี้ยาสมุนไพรได้รับการคิดค้นวิจัยให้พกพาสะดวก รับประทานง่าย แต่ขณะเดียวกันการรู้จักระมัดระวังบริโภคถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกินเป็นให้ผลดีต่อสุขภาพ แต่หากกินผิดๆ ย่อมเป็นพิษต่อร่างกาย www.oryor.com ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ระบุ “คนส่วนมากมีความไว้วางใจต่อสมุนไพร ว่าสมุนไพรนั้นปลอดภัย สามารถใช้รักษา และกินต่อเนื่องได้ แต่รู้หรือไม่ว่ามีสมุนไพรบางชนิดที่ไม่ควรกินเป็นเวลานาน ตัวอย่างสมุนไพรที่เป็นที่นิยม แต่ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ได้แก่ 1.รางจืด เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใช้บรรเทาอาการปวดท้อง หรือท้องเสีย และใช้ขับสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย แต่หากบริโภครางจืดติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อตับ ไต และระบบเลือดได้ 2.หญ้าหนวดแมว มักใช้ขับนิ่วในไต และรักษาอาการปัสสาวะขัดแต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน เนื่องจากหญ้าหนวดแมว มีเกลือโปแตสเซียมสูง หากบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อไต และหัวใจได้ 3. ยอ มักใช้บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน หากบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อไต และผู้ป่วยโรคไตไม่ควรบริโภค เพราะมีเกลือโปแตสเซียมสูง อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ จะเห็นได้ว่าสมุนไพรมีทั้งข้อดี และข้อเสีย การเลือกซื้อสมุนไพรควรดูว่ายานั้นมีการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตรควร หรือมีโรคประจำตัวหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพร ทางที่ดีหากต้องการใช้สมุนไพรแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง”