บอร์ด GUNKUL ไฟเขียวเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 2 วงเงินไม่เกิน 1,100 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.63 หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าพื้นฐานรับผลกระทบโควิด-19 มั่นใจศักยภาพธุรกิจมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง จากงานในมือที่มีอยู่เพียบ และเตรียมประมูลเพิ่ม เชื่อเดินหน้าซื้อหุ้นคืนจะช่วยทำให้ราคาหุ้นสอดคล้องปัจจัยพื้นฐานและสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้น น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2563 มีมติให้บริษัทเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน(Treasury Stock) ครั้งที่ 2 โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 440,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็น 5% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คิดเป็นวงเงินซื้อคืนไม่เกิน 1,100 ล้านบาท กำหนดระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.30 ก.ย.63(ทั้งนี้เมื่อรวมหุ้นทุนซื้อคืนจริงในครั้งที่ 1 ที่บริษัทซื้อคืนมาในช่วงระหว่าง 24 เม.ย.-22 ตุ.ค.61 จํานวน 99,043,700 หุ้น กับจํานวนหุ้นที่จะซื้อสูงสุดไม่เกิน 440,000,000 หุ้น ตามมติที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทในครั้งนี้ จะเท่ากับ 539,043,700 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 6.14) “บอร์ด GUNKUL ประเมินแล้วว่า ณ จุดนี้ราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งเป็นผลจากภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลง เนื่องจากมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดหนักของไวรัส COVID-19 ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล จึงเทขายหุ้นออกมา ส่งผลทำให้หุ้น GUNKUL ได้รับผลกระทบตามไปด้วย บริษัทจึงตัดสินใจเข้าโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกิน และจะไม่มีผลกระทบกับการเงินของบริษัทแต่อย่างใด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า การซื้อหุ้นคืนจะทำให้อัตราส่วนทางการเงินดีขึ้น ยังเป็นการแสดงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทขอให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนมั่นใจ ผลประกอบการของและอย่าตื่นตระหนกกับปัจจัยภายนอกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้มีผลกระทบกับผลประกอบการและรายได้ของบริษัทแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทพร้อมที่จะเข้าดูแลด้วยกลไกที่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯทุกประการ ทั้งนี้บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนที่บริษัทดำเนินการอยู่ โดยที่ผ่านมาธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นคงมากขึ้น จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหางานใหม่ๆเพิ่มเติม โดยปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) รวม 650 เมกะวัตต์ และสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว 437 เมกะวัตต์ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 9,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25% อย่างไรก็ตามจากการที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2562 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.136 บาท และจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 เม.ย.63 โดยบริษัทได้กำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 29 เม.ย.63 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 28 เม.ย.63 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค.63