หลังจากผ่านพ้นกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ศอ.บต. เมื่อช่วงเวลา 10.30 น. ของวันที่ 17 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น ทำให้ป้ายศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับความเสียหาย โดยแรงระเบิดทำให้กระจกบริเวณป้อมรักษาความปลอดภัยข้างหน้าประตูทางเข้า กระจกในอาคารอเนกประสงค์ และรถยนต์ที่จอดอยู่ใน ศอ.บต. ได้รับความเสียหายหลายคัน นอกจากนี้ ยังทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ศอ.บต. และผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดที่เกิดขึ้น จำนวน 25 ราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นขณะที่ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นำหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุมศูนย์ประสานการบริหารจัดการและแก้ปัญหาผลกระทบ โรค COVID-19 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานั้นด้วย วันนี้ (18 มีนาคม 2563) เวลา 08.00 น. พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำรองเลขาธิการ ศอ.บต.ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ผู้บริหารกลุ่ม / กอง ข้าราชการ พนักงานราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสังกัด ศอ.บต. ร่วมเข้าแถวเคารพธงชาติ พร้อมกันนี้เลขาธิการ สอ.บต. ได้พบปะให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในสังกัด ศอ.บต. ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้มีพลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตลอดจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมในกิจกรรมเคารพธงชาติ พร้อมร่วมให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ด้วย หลังจากกิจกรรมเคารพธงชาติเสร็จสิ้นแล้ว พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยพลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 / ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า, ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานราชการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสังกัด ศอ.บต. กว่า 500 คน ร่วมในพิธี “เปิดป้าย เพื่อชาวใต้สันติสุข” โดยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้กำหนดฤกษ์งาม ยามดี ในเวลา 08.30 น. ซึ่งทุกคนจะนำกระถางต้นไม้นำมาวางหน้าป้าย ศอ.บต. เพื่อตกแต่งให้มีความสวยงาม และสื่อถึงว่า ศอ.บต. พร้อมที่จะทำหน้าที่ด้านการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันภายใต้ครอบครัวสันติสุข พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนหลังจากพิธีเสร็จสิ้นแล้วว่า กำแพงป้ายชื่อ ศอ.บต. พังหายไปเพราะแรงระเบิด แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเรียบร้อยแล้วก็ระดมสรรพกำลังก่ออิฐขึ้นมาใหม่ซึ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันนี้ รอเพียงตัวหนังสือที่ต้องดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามเราสร้างกำแพงนี้ขึ้นมาด้วยหัวใจและพลังศรัทธา เพราะคนที่อยู่ด้านหลังกำแพงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่สร้างความสุขและความเจริญรุ่งเรืองแก่พี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น แต่ภารกิจสร้างความสุขของ ศอ.บต. ก็จะเดินต่อไปข้างหน้าและจะไม่มีวันถดถอย สำหรับความคืบหน้าของการติดตามคนร้ายในคดี”คาร์บอมบ์” นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานความมั่นคง ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจากพิ้นที่ อ.กรงปีนัง และจากพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา มาทำการซักถามเพื่อหารายละเอียดของ ขบวนการในครั้งนี้ที่ ฉก.ยะลา สำหรับรายละเอียดของการสอบสวน เจ้าหน้าที่เผยเพียงว่า ผู้ถูกควบคุมตัวให้การเป็นประโยชน์ เชื่อมโยงถึงกลุ่มคนร้ายจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่ ขับรถคาร์บอมบ์คันดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่ขี่ จยย.มารับคนร้ายที่ขับรถประกอบระเบิด จากการไล่กล้องวงจรปิด จากจุดที่มีการปล้นรถที่นำมาประกอบคาร์บอมบ์ และเส้นทางของรถ จักรยานยนต์ พบว่าทั้ง 2 คน ใช้เส้นทางคนละเส้นทาง โดยนัดหมายมาเจอกันที่จุดเกิดเหตุ โดยคนขับ จยย ขับมาตามทาง จยย ข้าง ศอ.บต. มารออยู่ก่อน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการไล่กล้องวงจรปิด เพื่อหาคนร้ายคนที่ 3 ซึค่งทำหน้าที่จุดระเบิดด้วย วิทยุรับส่ง ซึ่งจะต้องอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 50 -100 เมตร ซึ่งเป็นผู้ทที่ทำการจุดระเบิด คาร์บอมบ์ ในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้น พบบุคคลผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด แหล่งข่าว ความมั่นคง เปิดเผยว่า การทำ คาร์บอมบ์ ครั้งนี้ คนร้ายเตรียมการแบบ สายฟ้าแลบ คือหลังจากที่ปล้นรถคันดังกล่าวจากเจ้าของรถ ก็นำเอาถังแก๊ส น้ำหนัก 80 กก. ซึ่งติดตั้งระเบิดพร้อมวงจร ขึ้นมาวางไว้ด้านหน้าคนขับ และขับมายังที่เกิดเหตุ โดยต้องการที่จะให้มาถึงเวลา 09.00 น. เพราะในช่วงดังกล่าว ข้าราชการผู้ใหญ่ ตั้งแต่ ผวจ. สสจ. และหัวหน้าส่วนราชการ จาก 5 จังหวัด จะเดินทางเข้ามาประชุม แต่เนื่องจากคนขับ คาร์บอมบ์ ไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่ชำนาญเส้นทาง มีการขับหลงทาง จึงทำให้มายังเป้าหมายช้า เป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่เข้าห้องประชุมแล้ว จึงทำให้ความสูญเสียไม่มากนัก พล.ต.ต. ปราบพาล มีมงคล ผบก.ภ.จว.ยะลา เปิดเผยว่า มีการรวมรวมหลักฐานที่เกิดเหตุ และภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน วัตถุพยาน ในการสาวไปยังผู้ต้องสงสัย ภาพที่ได้ค่อนข้างชัด ทั้งคนขับขี่ จยย และ คาร์บอมบ์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่รวมรวมหลักฐาน และสอบพยานบุคคล รวมทั้งสอบสวนผู้ต้องสงสัยอีกระยะหนึ่ง เชื่อว่าจะรู้ตัวคนร้ายในเร็วๆนี้ สำหรับในการปิดอ่างเก็บน้ำตาเซะ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง อ.เมืองยะลา กับ อ.ยะรัง จังหวัดปัตตานี ซึ่ง ฉก. ยะลา และ ฉก 22 อ.ยะรัง ได้เข้าทำการปิดล้อม ปะทะกับ แนวร่วม ขบวนการ บีอาร์เอ็น 7 คน ตั้งแค่วันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา และ เจ้าหน้าที่ ทหาร ถูก แนวร่วม ยิงเสียชีวิต 1 ราย และ บาดเจ็บ 4 รายนั้น ซึ่งในการปิดล้อมพ้นที่ในวันที่ 18 เจ้าหน้าที่ได้รุกเข้าไปในพื้นที่ด้านใน ที่คนร้ายยึดเป็นที่มั่น พบศพของ คนร้ายจำนวน 3 ศพ ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เมื่อคืนวันที่ 17 ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ทราบว่าคนร้ายทั้ง 3 คน เป็นใคร และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการ นำศพออกจากพื้นที่ เพื่อทำการพิสูจน์ ดีเอ็นเอ และ ประวัติบุคคล และจากการปะทะอีกระลอกในวันนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก 2 นาย คือ ส.ท สุภาพ ตะเคียนทอง และ อส.ทพ.กิตติชัย อินทติน และ เสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ. เสนีย์ พงษ์สมบัติ ส่วนคนร้าย จำนวน 7 คน เสียชีวิตจากการปะทะ 3 นาย ยังเหลือที่ยังต่อสู้ไม่ยอมวางอาวุธอีก 4 นาย ซึ่ง เจ้าหน้าที่ได้พยายาม เกลี้ยมกล่อมให้ มอบตัว แต่คนร้ายยังไม่มีท่าที่ที่จะมอบตัว เชื่อว่าคงจะพยายามแหวกงฃล้อม หรือสู้ตาย พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผ.อ.กอ. รนม.ภาค 4 เปิดเผยว่า การการปะทะ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และ มีการใช้มาตรการเบาไปหาหนัก ใช้ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา มำการเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ และมอบตัว แต่ คนร้าย ไม่ยอม จึงต้องดำเนินการอย่างฉันบขาด ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเดียวกับที่ ยิง ชรบ.ที่ ต.ลำพญา ทเสียชีวิต 15 ศพ ส่วนคนร้ายที่ระเบิดหน้า ศอ.บต. เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ มีรายละเอียดพอสมควร ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน