WICE ประเมินสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ใกล้ชิด มองวิกฤตเป็นโอกาสรับงานขนส่งทางอากาศและขนส่งข้ามแดนลูกค้าใหม่ในจีนเพิ่ม ชูจุดเด่นบริหารจัดการงานขนส่งโลจิสติกส์ครบวงจร เดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ลุยกลยุทธ์ปรับลดต้นทุน ETL บริษัทเครือข่าย เพิ่มความสามารถการทำกำไรกลับสู่ภาวะปกติที่ระดับ 20% ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีเติบโต 20% นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (WICE )ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/63 ว่า สถานการณ์ความกดดันจากภาวะเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านการขนส่งมากขึ้นเช่น รถขนส่งที่รอผ่านด่านใช้เวลาเพิ่มขึ้น สนามบินลดรอบไฟท์บินลง ปริมาณงานลดลงเล็กน้อย และต้นทุนการขนส่งผันผวนสูงขึ้นกว่าปกติ ประกอบกับไตรมาส 1/63 เป็นช่วงโลว์ ซีซั่นของธุรกิจโลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมองวิกฤตินี้เป็นโอกาส เนื่องจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์บางรายในจีนไม่สามารถรับงานได้ จึงถือเป็นโอกาสของ WICE ในการรับงานจากลูกค้าใหม่ในจีนเพิ่มหลายราย โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ในประเทศจีนอยู่ที่ 26% นอกจากนี้ บริษัททบทวนแนวทางการบริหารความเสี่ยงโดยรวมขององค์กร เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องอาทิ การให้พนักงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงทำงานที่บ้าน โดยยังสามารถติดต่อประสานงานกับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด การตรวจป้องกันเชื้อไวรัสสำหรับคนเข้า-ออกที่ออฟฟิศอย่างเคร่งครัด อีกทั้งบริษัทยังหาช่องทางเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจรองรับการฟื้นตัวด้านปริมาณการขนส่ง และเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา “ด้วยจุดเด่นเรื่องการบริหารจัดการงานขนส่งโลจิสติกส์ให้กับลูกค้าได้ทุกรูปแบบและครบวงจร ถือเป็นความได้เปรียบของบริษัท ที่สามารถบริหารจัดการงานตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าเกิดความไว้ใจ จึงทำให้บริษัทมีลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิมจากจีนกลับมาใช้บริการขนส่งทางอากาศและขนส่งข้ามแดนกับทาง WICE อีกครั้ง อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์โรคระบาดดังกล่าวและผลกระทบต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยหวังให้สถานการณ์ต่างๆคลี่คลายโดยเร็ว และคาดว่าตลาดขนส่งในจีนควบคุมสถานการณ์ได้และกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงเดือนเม.ย.63 เป็นต้นไป” ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีของประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์จากภาครัฐ อาทิ อุตสาหกรรมการบิน (Aerospace) และสินค้านำเข้าธุรกิจค้าปลีก (Retail Market) เนื่องจากบริษัทเห็นความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมดังกล่าวมีปริมาณสูงจึงวางแนวทางเข้าไปรับงานขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่และรายได้ให้กับธุรกิจ ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนทุกช่องทางให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross-Border Transport Services) บริษัทเครือข่าย EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO.,LTD. (ETL) เพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไร คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) กลับสู่ภาวะปกติที่ระดับ 20% และสร้างการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 20% หรือมีรายได้รวม 2,700 ล้านบาท