“สุวิทย์ เมษินทรีย์” เผยข่าวดี สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สามารถผลิตชุดตรวจโควิด-19 ได้แล้ว ต้นทุนแค่ 1 พันบาทต่อชุด เตรียมส่งให้กระทรวงสาธารณสุข 1 ล้านชิ้น ภายใน 6 เดือน พร้อมสั่งโรงเรียนแพทย์เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามในโรงยิม-หอประชุม ด้านปลัดพาณิชย์ไล่จับพ่อค้าหน้าเลือดกักตุน-ขายเกินราคาหน้ากากอนามัยต่อเนื่อง ส่วน’อู๊ดด้า’ยอมรับนายกฯสั่งเด้งอธิบดีกรมการค้าภายในก่อนแล้วแจ้งที่หลัง ระบุ ปชป.จะขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นเป็นเรื่องในอนาคต เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า อว.เสนอ 6 มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มาตรการแรก ได้แก่ มาตรการการบริหารจัดการดูแลนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยให้มีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนจากระบบปกติเป็นระบบออนไลน์และให้ปิดมหาวิทยาลัยภายใน 2 สัปดาห์ โดยใช้การเรียนการสอนออนไลน์ ภายในวันที่ 1 เมษายน นี้ และให้ปรับ เลื่อนหรือยกเลิกการสอบ การฝึกงาน งดกิจกรรมเพื่อลดการสัมผัสเชื้อ มาตรการที่สอง ให้มีการทำงานที่บ้านสำหรับบุคลากรของ อว.เพื่อลดการเดินทางและลดการสัมผัสเชื้อให้มากที่สุด สำหรับงานที่ต้องมีการปฏิบัติการ ให้ปฏิบัติการด้วยประสิทธิภาพเท่าเดิม แต่ปรับเปลี่ยนวิธีการหรือ บริหารจัดการให้มีความเหมาะสมตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ และงดกิจกรรมของทุกหน่วยงานที่ต้องมีคนจำนวนมาก มาตรการที่สาม เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ โดยสั่งการให้เครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ประสานงานกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในเรื่องขั้นตอนและแนวปฏิบัติที่เหมาะสม ตั้งแต่ผู้ป่วยเข้าสู่โรงพยาบาลไปจนถึงการรักษา แผนการส่งต่อผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วย การลดผู้ป่วยที่สามารถรอการรักษา การเตรียมหอผู้ป่วย การเตรียมไอซียู(ICU) เครื่องช่วยหายใจ จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และห้องแยกพิเศษ พร้อมเตรียมการรองรับกรณีเกิดการระบาดในวงกว้าง เตรียมพื้นที่รองรับเพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เช่น โรงยิม และหอประชุมของมหาวิทยาลัย เป็นต้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า มาตรการที่สี่ จัดทำระบบบริหารความเสี่ยงด้วยนวัตกรรม เพื่อรองรับสถานการณ์ในระยะยาว อาทิ การพัฒนาระบบการติดตามและตรวจสอบ การใช้ระบบการแพทย์และสุขภาพทางไกล การจัดทำระบบแสดงตำแหน่งและจัดส่งสิ่งจำเป็นทางการแพทย์ มาตรการที่ห้า การสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับโควิด – 19 โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สามารถผลิตชุดตรวจโควิดได้แล้ว และได้จัดเตรียมกรอบงบประมาณ 250 ล้านบาท ในการจัดสรรทุนวิจัยใน 4 ประเด็นสำคัญเร่งด่วน ตั้งแต่ การศึกษาทางพันธุกรรมและทางชีววิทยาของไวรัสเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของเชื้อ การใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อวิเคราะห์การแพร่กระจายของเชื้อ การผลิตชุดตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคที่แม่นยำ รวดเร็ว โดยขณะนี้ ร่วมกับบริษัทสยามไบโอไซน์ ในการผลิตชุดตรวจโควิด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจง่ายขึ้นและเพียงพอต่อความต้องการ โดยจะส่งมอบทั้งหมด 1 ล้านชิ้น ให้ กระทรวงสาธารณสุขภายในระยะเวลา 6 เดือน จากปัจจุบันที่มีความต้องการในการใช้เฉลี่ย จำนวน 4,000 ชิ้น/วัน และคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตเฉลี่ยประมาณ 40% เหลือเพียงประมาณ 1,000 บาท จากเดิมราคาประมาณ 4,000 บาท เป็นต้นและมาตรการที่หก การสนับสนุนในด้านอื่นๆ โดยมุ่งเน้นในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์เป็นหลัก อาทิ หน้ากากอนามัยจากแผ่นกรองเส้นใยสมบัติพิเศษต้านเชื้อไวรัสและฝุ่น PM 2.5, หน้ากากผ้าแบบซักได้, หุ่นยนต์ช่วยประเมินผู้ป่วย เป็นต้น นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลจับผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของวันที่ 17 มีนาคม 2563 จำนวน 10 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย โดยเป็นการจับกุมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยในห้างเซ็นเตอร์วัน 1 ราย ข้อหากระทำความผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคา และจับกุมบริษัทตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยย่านบางขุนเทียน 1ราย ขายหน้ากากอนามัย ชิ้นละ 3บาท แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม ขณะที่ต่างจังหวัด 8 ราย ได้แก่ หนองบัวลำภู สุรินทร์ สิงห์บุรี จังหวัดละ 1ราย ทั้ง 3รายขายหน้ากากอนามัยราคาชิ้นละ 13-25 บาท จึงแจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุม อุบลราชธานี 4ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย ข้อหาขายเกินราคาควบคุม และขายแพงเกินสมควร2รายและปทุมธานี 1ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและขายแพงเกินสมควร สำหรับสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 16 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 159 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ 95 ราย และต่างจังหวัด 64 ราย นอกจากจับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศแล้ว ที่ผ่านมากระทรวงยังตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าควบคุม ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ด้วย ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำเรื่องการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม หากพบขายแพงเกินสมควรก็มีความผิดในข้อหาขายสินค้าแพงเกินสมควรตามมาตรา 29 จึงขอให้ผู้ค้าสินค้าทั้งหลายห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ในข้อหาขายเกินราคาควบคุม จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หากพบเห็นผู้กระทำผิดโปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายังสายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยื่นหนังสือลาออกได้มีการอนุมัติแล้วหรือไม่ว่า นายวิชัยได้แจ้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่าขอลาพักร้อนถึงวันที่ 24 เม.ย.และหลังจากนั้นจะขอลาออก ซึ่งตอนนี้หนังสืออยู่ที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์และได้รับแจ้งว่าอนุมัติให้ลาพักร้อนได้ โดยขณะนี้รองอธิบดีกรมการค้าภายในจะขึ้นมารักษาการแทน เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับอธิบดีฯ หรือไม่ว่าใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็ได้พูดคุยกับท่าน ว่าไม่อยากเห็นท่านลาออก ด้วยความเห็นใจและด้วยความเข้าใจว่าที่ผ่านมา ท่านทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังสามารถ และทุ่มเทในการทำงาน ในช่วงที่ทำงานด้วยกันท่านก็ตั้งใจทำงานทุกอย่างทุกด้าน โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยที่เกิดในช่วงวิกฤต และการผลิตมีจำกัด ผลิตได้วันละกว่าล้านชิ้น ซึ่งทุกคนมีความต้องการทำให้พอ ซึ่งอธิบดีก็บริหารจัดการให้ตรงกับความต้องการของประชาชน 60 ล้านคน เราก็กระจายให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ ตนเห็นว่าอธิบดีทำได้ดีและทุ่มเทเต็มที่ ตนก็ขอแสดงความเห็นท่านด้วย เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมีการออกคำสั่ง นายกฯ ได้มีการแจ้งมาก่อนหรือไม่ ในฐานะที่รมว.พาณิชย์เป็นผู้บังคับบัญชา นายจุรินทร์ กล่าวว่า แจ้งให้ทราบภายหลัง เมื่อถามว่า การที่อธิบดีลาออก ได้มีการพูดคุยกับนายกฯ หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อถามว่า ก่อนที่อธิบดีจะลาออก มีการตัดพ้อในหลายเรื่อง ทำให้บางคนคิดว่าเป็นเรื่องภายในกระทรวงหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบตรงนี้ เมื่อถามว่า นายวิชัยยื่นหนังสือลาออกแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงที่จะทำหน้าที่ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้รอตัวแทนจากตำรวจและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกักตุนหน้าอนามัย นายจุรินทร์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมาได้มีการแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทแล้ว และวันนี้ก็ไปแจ้งความดำเนินคดีในความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งในประเด็นดังกล่าวผู้ที่เกี่ยวข้องจะมาชี้แจงในประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ได้มีการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ การส่งออกหน้ากากอนามัย ที่เขตท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยตนได้รับแจ้งจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่ามีตำรวจประสานงานมาว่า นายกฯ สั่งให้ไปดำเนินการโดยประสานมายังกระทรวงพาณิชย์ให้ส่งตัวแทนไปตรวจสอบ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งผู้แทนจากกรมการค้าภายใน และกรมศุลกากรไปตรวจสอบ พร้อมกับผู้ส่งออกหน้าที่เป็นเจ้าของหน้ากาอนามัยส่งออก เพื่อไปพิสูจน์ว่ามีใบอนุญาตในการส่งออก เมื่อมีการส่งออกจริงแล้ว ของที่อยู่ข้างในเป็นหน้ากากอนามัยที่มีอนุญาตตรงตามสเปก มีลิขสิทธิ์ มีมาตรฐานให้ส่งออกได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการสั่งให้ไปเปิดตู้แล้วตรวจสอบ ซึ่งการเปิดตู้ครั้งนี้ทำให้นายกฯ ตน และประชาชนที่ข้อสงสัยจะได้คลายข้อสงสัย ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาย้ำว่าไม่ต้องการให้ตนลาออกและจะไม่เซ็นอนุมัติให้ลาออก ทั้งนี้ ถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการติดตามใดๆ จากทีมนายจุรินทร์ และยังไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ ในขณะนี้ “ช่วงนี้ผมอยู่ในช่วงลาพักร้อน คงต้องขอใช้สิทธิการพักร้อนไประยะหนึ่งก่อน แต่หากได้รับการติดต่อจากรองนายกฯ ก็พร้อมเข้ามารายงานตัวและชี้แจงประเด็นต่างๆ” นายวิชัย กล่าว