ท้องผูก ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นอกจากจะก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน ยังกระทบต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะหากปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังยิ่งอาจพาโรคแทรกซ้อนตามมาด้วยได้ www.Oryor.com ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความรู้เรื่องท้องผูกว่า ท้องผูก (Constipation) คือการที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายไม่ออกเป็นเวลานาน อาการที่มักพบคือ 1. ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 2. อุจจาระเป็นก้อนแข็ง 3. ถ่ายไม่ออก ไม่สุด หรือถ่ายยาก ทั้งนี้ คนที่ท้องผูกที่ไม่ชอบกินยาแผนปัจจุบัน มียาสมุนไพร คือ สมุนไพรชุมเห็ดเทศ ซึ่งสกัดเป็นแคปซูล โดยเป็นสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน มีสรรพคุณแก้ท้องผูกได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แนะนำหากต้องการรับประทานเพื่อบรรเทาอาการท้องผูกให้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อน สำหรับผลข้างเคียงที่อาจพบคือ 1. ท้องเสีย 2. ปวดท้องเนื่องจากชุมเห็ดเทศจะไปกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ นอกจากนี้ สามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้โดย การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหาร เช่น รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้, ให้ดื่มน้ำมากๆ, ไม่อั้นอุจจาระ , หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายติดต่อกันนาน และออกกำลังกายสม่ำเสมอประมาณ 30 นาทีต่อวัน เพื่อให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากจะรักษาด้วยการใช้ยาแผนปัจจุบัน มีดังนี้ 1. ยากลุ่มเพิ่มเส้นใยหรือไฟเบอร์ เช่น ยาไซเลียม (Psyllium) 2. ยาระบายกลุ่มกระตุ้น เช่น ยาบิซาโคดิล (Bisacodyl) ยาเซนโนไซด์ (Sennosides) 3. ยาช่วยหล่อลื่นอุจจาระ เช่น มิเนอรอล ออยด์ (Mineral Oils) 4. ยาเหน็บและการสวนอุจจาระ เช่น ชุดสวนอุจจาระสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของยาบิซาโคดิล (Bisacodyl) หรือกลีเซอรีน (Glycerin) เป็นต้น