วันที่ 12 มีนาคม 2563 เวลา 10.30 น.มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานีจุดอำเภอเมืองอุทัยธานี ได้รับแจ้งมีงูเหลือมมาติดตาข่ายกันนกในลานตากขนมบริเวณถนน ท่ารถ บขส.อุทัยธานี-สนามกีฬาจังหวัดอุทัยธานี หรือถนนจากถนนสาย 333 หน้า ท่ารถ บขส.ตัดไปยังถนนรักการดีหน้าสนามกีฬาจังหวัดอุทัยธานี จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมอุปกรณ์การจับงู ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานทำขนมชื่อดังของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งทำข้าวเกรียบปลากลาย ขนมกระดูกจตุพร และอีกหลากหลาย ซึ่งเป็นของฝากประจำจังหวัดอุทัยธานีก็ว่าได้ นายเสกสรร คำสำรวย อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 390 ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานทำขนม ได้ชี้จุดที่งูเหลือมยาวประมาณ 2 เมตร 30 เซนติเมตร นั้นพันอยู่กับตาข่ายที่เป็นลานตากขนม ซึ่งตาข่ายที่กั้นไว้ก็เพราะนกนั้นได้มาจิกขนมที่ตากอยู่เป็นประจำจึงต้องนำตาข่ายมากั้นไว้ งูเหลือมนั้นติดและพันอยู่กับตาข่ายดักนกจนตัวงูเหลือมนั้นเลื้อยไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและนายเสกสรร เจ้าของโรงงาน จึงนำมีดมาตัดตาข่ายอยู่สักประมาณ 5 นาที ก็เห็นว่าตาข่ายนั้นพันกับตัวงูจนแน่นมาก จึงได้เปลี่ยนมาใช้กรรไกรมาตัดแทน พอตัดตาข่ายออกจากตัวงูเหลือมก็ใช้เวลา 10 นาที เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าของโรงงานก็ช่วยงูเหลือมออกมาได้ โดยมีคนในครอบครัวของนายเสกสรรมายืนลุ้นอยู่ พองูเหลือมออกมาได้พบว่ามีกลิ่นคล้ายของเน่าหรือสัตว์เน่าอยู่ในปากส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว สันนิฐานว่างูเหลือมนั้นคงจะเลื้อยมากินนกที่ติดอยู่กับตาข่ายตัวงูเหลือมนั้นก็ติดตาข่ายไปด้วยเจ้าของโรงงานเล่าว่าน่าจะติดมานานประมาณ 4-5 วันแล้ว เพราะดูจากรอยตาข่ายพันตัวนั้นยุ่งไปหมด จนงูนั้นเลื้อยไม่ไหวหมดแรงและกระเพาะนั้นย่อยนกที่กินไปไม่ได้จึงมีกลิ่นเหม็นในปากงูเหลือมนั่นเอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานีได้นำงูเหลือมตัวดังกล่าวใส่กระสอบเพื่อนำไปปล่อยกลับคืนธรรมชาติต่อไป และสาเหตุที่งูเหลือมนั้นออกมากินนกแล้วติดตาข่ายนั้นก็เพราะว่า โรงงานทำขนมของนายเสกสรร นั้นบริเวณรอบบ้านด้านข้างมีหนองน้ำขนาดใหญ่อยู่น่าจะเป็นที่อยู่ของงูเหลือมนั้นเอง