หมอจุฬาฯ ชี้สถานการณ์ในไทยเริ่มพบเป็นกลุ่มก้อน จับตาสนามมวย ระบุต้องเปิดเกมรุก ตรวจวินิจฉัยให้เร็วเพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้ โดยเฉพาะเงื่อนไขในการตรวจ ยังอยู่เฉพาะกลุ่มเสี่ยง เงื่อนไขนี้ต้องเปลี่ยนแปลง ด้วยต่อไปทุกคนจะเสี่ยงหมด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.63 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawon” ระบุ “โควิด 19 การระบาดทั่วโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประเทศไทย โควิด 19 มีการระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก มีผู้ป่วยกว่าหมื่นรายต่อวัน และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ประเทศไทย มีการพบเป็นกลุ่มก้อน ดังจะเห็นได้จากการแพร่กระจายเกิดขึ้นทีเดียว 13 คน ในกลุ่มเดียวกัน และกำลังจะมีในกลุ่มสนามมวยที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาตรการทางสังคม งดทำกิจกรรมในคนหมู่มาก มีความจำเป็นในช่วงที่มีการระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะการติดตามคนจำนวนมากที่สัมผัส จะทำได้ยากอย่างยิ่ง การเพิ่มจำนวนจะเป็นแบบประเทศเกาหลี และจะต้องเปิดเกมรุก ในการตรวจวินิจฉัยให้เร็ว ปัญหาของบ้านเรา ก็จะอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัย ถ้าจะตรวจจำนวนมากแบบเกาหลี ถึง 200,000 ราย อย่างรวดเร็ว เพื่อจะคุมสถานการณ์ให้ได้ ก็มีความจำเป็น แต่จะมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เงื่อนไขในการตรวจขณะนี้ ยังอยู่เฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ที่มีอาการ จึงจะได้รับการยกเว้นตรวจฟรี เงื่อนไขนี้คงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง คำว่ากลุ่มเสี่ยง เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ ทุกคนจะเสี่ยงหมด งบประมาณในการตรวจ การดูแลรักษา และการป้องกันโรค จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการควบคุมโรค ให้ได้อย่างประเทศจีน เรามีเวลาซ้อมใหญ่ มา 2 เดือนแล้ว ขณะนี้ ทุกคนจะต้องทำจริง ไม่มีการซ้อมอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทุกคน ต้องเคร่งครัด ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่จะออกมาในแต่ละวัน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุ “1.ปรับคำนิยามของคนที่มีความเสี่ยงและมีอาการต้องสงสัยใหม่ ไม่ใช่แต่ต้องมาจากต่างประเทศ หรือสัมผัสกับคนต่างชาติเท่านั้น ขณะนี้เป็นคนไทยสู่คนไทยแล้ว 2. การตรวจคนที่มีความเสี่ยงและมีอาการควรฟรี ยกเว้นแต่ว่าจะมีคนติดเชื้อเต็มไปหมดและอาการน้อยให้กักตัว อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องสุงสิงกับคนในบ้าน จะถูกนำตัวมาโรงพยาบาลต่อเมื่ออาการมากขึ้น”