เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ โดยมีการประชุมเพื่อหาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยของทุกส่วน เนื่องด้วยมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงทีมทำงานที่มีประสบการณ์จากการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคเมอร์ส และโรคซาร์ส ในอดีต จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ รพ.บำรุงราษฎร์ตระหนักถึงความจำเป็นกรณีเจ็บป่วยและมีนัดหมายกับแพทย์ แต่ด้วยผู้ต้องการมาใช้บริการส่วนหนึ่ง อาจยังไม่พร้อมที่จะเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลในช่วงนี้ จึงได้เปิดบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” เพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว โดยผู้ต้องการใช้บริการสามารถโทรผ่านสายด่วน 1378 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการรับสายตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน เพื่อเข้าสู่ 3 บริการหลักๆ ได้แก่ 1. ต้องการปรึกษาแพทย์ สามารถคุยกับแพทย์ได้โดยตรงภายในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ครั้งละไม่เกิน 15 นาที 2.ส่งยาตรงถึงบ้าน จัดส่งยาหลังจากปรึกษาแพทย์และจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์ ยกเว้นยาแช่เย็น กลุ่มยาเสพติด (Narcotics) และยากลุ่มที่มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychotropic substances) ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. 3.บริการเจาะเลือดที่บ้านตามใบสั่งแพทย์ เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 06.00 – 16.00 น. ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์ยังได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกมาตรการการเฝ้าระวังสถานการณ์และตรวจคัดกรองไวรัสโควิด–19 ขั้นสูงสุด ซึ่งเทียบได้ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) และยังมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยปรับการบริหารจัดการตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง ผศ.นพ.วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า รพ.บำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งในระดับประเทศ และได้รับใบประกาศนียบัตรให้เป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการ การตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับมาตรฐานสากล พร้อมมี 8 มาตรการขั้นสูงเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ จากที่รพ.บำรุงราษฎร์เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งที่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้นั้น ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน และเดินทางมาเพื่อขอตรวจไวรัสโควิด-19 ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็น ผศ. นพ. วิชัยกล่าวว่า การตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเองนั้น ต้องขอสงวนสิทธิ์ตรวจให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายสงสัยระดับปานกลางและในระดับสูงที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีความจำเป็นในการตรวจเท่านั้น เนื่องด้วยปัญหาที่พบคือ จำนวนชุดตรวจที่ใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของห้องปฏิบัติการเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนจำกัดอย่างมาก จึงจำเป็นต้องสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่น่าสงสัยเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขาดแคลนของชุดตรวจในยามจำเป็น เนื่องด้วยที่ผ่านมา พบว่าบางคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีความต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้ที่ยังไม่มีไข้ ไม่มีอาการแล้วมาตรวจแล็บ ซึ่งผลตรวจในขณะนั้นจะออกมาเป็นลบ (Negative) แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะผ่านพ้นระยะฟักตัวจนครบ 14 วันไปแล้ว คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ เมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้แยกตัวเฝ้าสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน ใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก หรือออกไปในที่ชุมชน หรือพบปะผู้คน กินอาหารปรุงสุก ยึดหลักสุขอนามัยพื้นฐานง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เป็นต้น และหากเริ่มมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางตามความเป็นจริง