นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ก.สาธารณสุข กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย เพื่อเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลเอกชน ในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉินโรคโควิด-19 สบส. จึงจัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับขึ้น มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ 1. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณี โรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งกำหนดให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย เพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและตามประเภทของสถานพยาบาลนั้นๆ ห้ามปล่อยปละละเลย ปฏิเสธการรักษา และหากจำเป็นต้องส่งต่อ หรือผู้ป่วยประสงค์จะไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลอื่นจะต้องจัดการให้มีการจัดส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่นตามความเหมาะสม ห้ามมิให้ผู้ป่วยเดินทางไปรับการรักษาต่อด้วยตนเอง 2. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อโรคโควิด 19 การระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาและการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น ซึ่งกำหนดให้ผู้รับอนุญาต และผู้ดำเนินการของสถานพยาบาลต้องจัดให้มีหน่วยคัดกรองผู้รับบริการ ซึ่งหากคัดกรองแล้วพบอาการเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 จะต้องจัดให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย และดำเนินการใดๆ เพื่อควบคุม ระงับ หรือบรรเทาอันตราย พร้อมแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (โรงพยาบาล) จะต้องจัดให้มีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจจากผู้ป่วยและส่งไปยังห้องปฏิบัติการตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด แต่หากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (คลินิก) จะต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่นที่มีศักยภาพโดยทันที ทั้งนี้ หากฝ่าฝืน ปล่อยปละละเลย ปฏิเสธการรักษา หรือปล่อยให้ผู้ป่วย/ผู้ที่มีอาการเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 เดินทางไปรักษาต่อ ณ สถานพยาบาลอื่นด้วยตนเอง จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 สบส.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อให้สถานพยาบาลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป