“GUNKUL”ส่งซิกไตรมาส1/63 ภาพรวมธุรกิจสดใส ทยอยรับรู้งานในมือเพียบ มั่นใจนับจากนี้มีงานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง เตรียมประมูลงานภาครัฐเพิ่มกว่าหมื่นล้านบาท ปลื้มทริสเรทติ้งจัดเครดิตองค์กรระดับ “BBB” แนวโน้มเป็น “Positive” จากเดิม “Stable” ประกาศเดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโต เชื่อพลังงานทดแทนยังเป็นที่ต้องการ มั่นใจรายได้ปี 63 ทะลุ 9,000 ล้านบาท โตพุ่ง 25%จากปีก่อน น.ส.โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัท เนื่องมาจากธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์( COD) ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลทำให้ ทริสเรตติ้ง คงอันดับเครดิต GUNKUL ไว้ที่ “BBB” โดยปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Positive” หรือ “บวก” จาก “Stable” หรือ “คงที่” เพื่อสะท้อนการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่นสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ และส่งผลให้กระแสเงินสดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศที่ผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทครอบครองสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 638 เมกะวัตต์ และสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว 437 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามอีก 2 โครงการรวม 60 เมกะวัตต์ที่ทางบริษัทได้ซื้อกิจการมาในช่วงเดือนก.พ.63 ซึ่งได้มีการเริ่มดำเนินงานแล้วตั้งแต่เดือนพ.ค.62 ส่งผลให้สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯได้ทันที นอกจากนี้บริษัทยังมีการดำเนินธุรกิจในส่วนของการจัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า และรับเหมาก่อสร้างซึ่งปัจจุบันได้มีการชนะการประมูลโครงการนำสายเคเบิลลงดินขนาดใหญ่ 2 โครงการส่งผลให้มูลค่างานในมือของบริษัทเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเกือบ 8 พันล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนสถานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากมีการจัดการสภาพคล่องในระดับที่ดีมาก รวมทั้งมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้รวมกับเงินสดและหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในระดับสูง สำหรับภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เชื่อยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้และกำไรสุทธิ มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศที่ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)เต็มปี และปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้ง และรับเหมาก่อสร้าง ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาต่อยอดงานในมือให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะแตะระดับ 9,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25%จากปีก่อน “กลุ่มบริษัทยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าร่วมประมูลงาน EPC ใหม่ๆ และมีโอกาสได้งานค่อนข้างสูง ประกอบกับการที่บริษัทเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานทดแทนทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างมีศักยภาพและก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพทำให้รายได้ และกำไรสุทธิปีนี้เติบโตได้อย่างโดดเด่น”